Home กฎหมาย-ฎีกาน่ารู้ สัญญากู้ยืมเงินไม่มีรายละเอียด มีแค่จำนวนเงินและลงชื่อผู้กู้ถือเป็นเอกสารปลอมและฟ้องได้หรือไม่?

สัญญากู้ยืมเงินไม่มีรายละเอียด มีแค่จำนวนเงินและลงชื่อผู้กู้ถือเป็นเอกสารปลอมและฟ้องได้หรือไม่?

12165

สัญญากู้ยืมเงินไม่มีรายละเอียด กรอกแค่จำนวนเงินและลงชื่อถือเป็นเอกสารปลอมหรือไม่?

 

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1883/2551

ป.พ.พ. มาตา 653 วรรคหนึ่ง บังคับให้ต้องมีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อผู้ยืมจึงจะฟ้องร้องบังคับคดีกันได้โดยไม่จำเป็นว่าหลักฐานเป็นหนังสือนั้นต้องระบุวันเดือนปีที่ทำสัญญา วันเดือนปีที่ครบกำหนดชำระและอัตราดอกเบี้ยไว้

ในวันทำสัญญากู้เงิน ย. ผู้เขียนสัญญาได้กรอกจำนวนเงินที่กู้ตรงตามจำนวนที่โจทก์จำเลยตกลงกัน และจำเลยลงลายมือชื่อในช่องผู้กู้ โจทก์จึงนำสัญญากู้เงินมาฟ้องร้องบังคับคดีได้ ส่วนการกรอกข้อความอื่นๆ แม้จะกระทำโดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลยหรือจะไม่ระบุไว้เลย ก็ไม่มีผลทำให้หลักฐานการฟ้องร้องที่สมบูรณ์อยู่แล้วและบังคับคับแก่จำเลยได้นั้นเสียไป สัญญากู้เงินจึงไม่ใช่เอกสารปลอม

เหตุผลที่ศาลฎีกาวินิจฉัย

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า จำเลยลงลายมือชื่อไว้ในช่องผู้กู้ในสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.1 มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า สัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.1 เป็นเอกสารปลอมหรือไม่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า การกู้ยืมเงินเกินกว่าห้าสิบบาทขึ้นไปนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องบังคับคดีหาได้ไม่ จึงเห็นได้ว่าบทบัญญัติดังกล่าวบังคับให้ต้องมีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อผู้ยืม จึงจะฟ้องร้องบังคับคดีกันได้โดยมิได้บังคับว่าต้องระบุวันเดือนปีที่ทำสัญญา วันเดือนปีที่ครบกำหนดชำระและอัตราดอกเบี้ยไว้ เมื่อจำเลยเบิกความยอมรับว่า โจทก์จำเลยตกลงยอดหนี้ที่ต้องชำระเป็นเงิน 90,250 บาท แล้ว โจทก์จึงได้ตามนายยุรชัยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 3 ตำบลโคกกกม่วง อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งโจทก์เป็นลูกบ้านมาเขียนสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.1 อีกทั้งหลังทำสัญญาประมาณ 2 ถึง 3 เดือน จำเลยยังได้ขอยืมสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.1 ไปถ่ายเอกสารเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการขอกู้ยืมเงินจากทางราชการ ปรากฏว่าเอกสารหมาย ล.1 ซึ่งจำเลยอ้างว่าถ่ายสำเนาจากต้นฉบับเอกสารหมาย จ.1 มีข้อความระบุชัดเจนถึงสถานที่ทำสัญญา เป็นบ้านเลขที่ 28 หมู่ที่ 3 ชื่อโจทก์และที่อยู่ของโจทก์ และข้อ 1 ของสัญญามีข้อความว่า ข้าพเจ้านายสมหมายได้กู้เงินจากนางทองสาเป็นจำนวนเงิน 90,250 บาท และจำเลยลงลายมือชื่อในช่องผู้กู้ โจทก์ลงลายมือชื่อในช่องเจ้าของเงิน (ผู้ให้กู้) นายหาญ นายซุ้นลงลายมือชื่อในช่องพยาน และนายยุรชัยลงลายมือชื่อในช่องผู้เขียนและพยาน ซึ่งจำเลยเบิกความตอบทนายโจทก์ถามค้านว่าลายมือชื่อของบุคคลที่ลงในสัญญากู้เอกสารหมาย จ.1 ถูกต้อง แสดงว่าในวันทำสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.1 นายยุรชัยได้กรอกจำนวนเงินที่กู้ 90,250 บาท ตรงตามจำนวนที่โจทก์จำเลยตกลงกัน และจำเลยลงลายมือชื่อในช่องผู้กู้ โจทก์จึงย่อมนำสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.1 มาฟ้องร้องบังคับคดีได้ ส่วนการกรอกข้อความอื่นๆ ดังที่จำเลยอ้างแม้จะกระทำโดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลยหรือจะไม่ระบุไว้เลยก็ตาม ก็หามีผลทำให้หลักฐานการฟ้องร้องที่สมบูรณ์อยู่แล้วและบังคับแก่จำเลยได้นั้นเสียไปไม่ สัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.1 จึงไม่ใช่เอกสารปลอม ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

มีปัญหาคดีความปรึกษาทีมงานทนายกฤษดา

โทร 089-142-7773 ไลน์ไอดี Lawyers.in.th

 

Facebook Comments