หมายเหตุ
บทความนี้เขียนเพื่อให้ความรู้ทางกฎหมาย ไม่ได้เขียนเพื่อให้สนับสนุนหรือชี้ช่องให้กระทำความผิด และเตือนสติไม่ให้กระทำความรุนแรงในครอบครัวตาม พรบ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว
คำเตือน
ผู้ใดฆ่าผู้อื่น ต้องระวางโทษประหารชีวิตฯตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288
=======================================================================
หลักฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ป.อ. มาตรา 288, 62, 68 (อยู่ด้านท้ายบทความ)
คำพิพากษาฎีกาที่ 51/2512
ข้อเท็จจริงและคำพิพากษาฎีกาโดยย่อ
สามีนอนอยู่ชั้นบนของเรือน ภริยานอนอยู่ชั้นล่างต่างคนก็หลับไปแล้ว ต่อมาสุนัขเห่า ภริยาจึงตื่นไปแอบฝาห้องดูคนร้ายที่ห้องนอนของสามี สามีตื่นภายหลัง มองเห็นคนอยู่ที่ฝาห้องตะคุ่มๆ เข้าใจว่าเป็นคนร้าย เพราะมืด จึงหยิบมีดฟันไป 1 ที ภริยาถึงแก่ความตายดังนี้ถือว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง สามีมีสิทธิป้องกันได้โดยไม่ต้องพูดจาไต่ถาม หรือรอให้ผู้นั้นแสดงกิริยาว่าจะเข้ามาประทุษร้ายก่อนและสามีไม่รู้ว่าคนที่เข้าใจว่าเป็นคนร้ายจะมีอาวุธร้ายแรงหรือไม่สามีฟันไปทีเดียว ถือได้ว่ากระทำไปพอสมควรแก่เหตุและยังไม่พอถือว่าการกระทำของสามีเกิดขึ้นด้วยความสำคัญผิดในข้อเท็จจริงโดยประมาท ตามมาตรา 62 วรรคสอง
โดยในคดีดังกล่าวพนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยโดย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่านางสุข สว่างดี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288
จำเลยให้การว่าได้ฟันผู้ตายจริงโดยเข้าใจว่าเป็นคนร้าย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยเข้าใจว่าผู้ตายเป็นคนร้าย เป็นการป้องกันเกินกว่าเหตุ จำคุก 1 ปี
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน(ให้จำคุกตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น)
โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
*************************************************************************
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเกิดเหตุคดีนี้เวลา 20 นาฬิกาจำเลยนอนอยู่ชั้นบน ผู้ตายนอนอยู่ชั้นล่างของเรือน ต่างหลับกันแล้วมีเสียงสุนัขเห่า ผู้ตายตื่นไปแอบฝาลำแพนดูคนร้ายที่ห้องของจำเลยซึ่งมืด จำเลยตื่นไปเห็นคนยืนอยู่ที่ฝาลำแพน เข้าใจว่าเป็นคนร้ายจึงหยิบมีดที่วางอยู่ใกล้ ๆ ฟันไป ถือได้ว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 แล้ว จึงมีสิทธิป้องกันได้โดยไม่ต้องพูดจาไต่ถาม หรือรอให้ผู้นั้นแสดงกิริยาว่าจะเข้ามาประทุษร้ายก่อน และเห็นว่าจำเลยไม่รู้ว่าคนที่เข้าใจว่าเป็นคนร้ายนั้นจะมีอาวุธร้ายแรงหรือไม่ จำเลยฟันไปทีเดียว ถือได้ว่ากระทำไปพอสมควรแก่เหตุแล้ว และยังไม่พอถือว่าการกระทำของจำเลยเกิดขึ้นด้วยความสำคัญผิดในข้อเท็จจริงโดยประมาท ดังที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 62 วรรค 2
พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โดยสรุป
ดังนั้นโดยสรุปจะเห็นได้ว่าที่ศาลวินิจฉัยเช่นนั้นเพราะสามีเข้าใจว่าเป็นคนร้ายจึงหยิบมีดที่วางอยู่ใกล้ ๆ ฟันไป ถือได้ว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 แล้ว จึงมีสิทธิป้องกันได้โดยไม่ต้องพูดจาไต่ถาม
ขอให้บทความเรื่องนี้เป็นเครื่องเตือนใจเตือนสติ
จะเห็นได้ว่าเรื่องภายในครอบครัวเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ต้องคุยและปรับความเข้าใจกันในทุกๆเรื่องโดยอย่าคิดว่าไม่เป็นไรเพราะสิ่งนั้นเป็นต้นเหตุของสิ่งที่หาซื้อด้วยเงินไม่ได้ คือ ชีวิต สุขภาพ ครอบครัว
หลักฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยละเอียด ประมวลกฎมายอาญา
มาตรา 288 ผู้ใดฆ่าผู้อื่น ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุก ตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี
มาตรา 62 ข้อเท็จจริงใด ถ้ามีอยู่จริงจะทำให้การกระทำไม่เป็น ความผิด หรือทำให้ผู้กระทำไม่ต้องรับโทษ หรือได้รับโทษน้อยลง แม้ข้อเท็จจริงนั้นจะไม่มีอยู่จริง แต่ผู้กระทำสำคัญผิดว่ามีอยู่จริง ผู้กระทำย่อมไม่มีความผิดหรือได้รับยกเว้นโทษ หรือได้รับโทษ น้อยลง แล้วแต่กรณี
ถ้าความไม่รู้ข้อเท็จจริงตามความในวรรคสามแห่ง มาตรา 59 หรือความสำคัญผิดว่ามีอยู่จริงตามความในวรรคแรก ได้เกิดขึ้นด้วย ความประมาทของผู้กระทำความผิด ให้ผู้กระทำรับผิดฐานกระทำ โดยประมาท ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะว่าการกระทำ นั้นผู้กระทำจะต้องรับโทษแม้กระทำโดยประมาท
บุคคลจะต้องรับโทษหนักขึ้นโดยอาศัยข้อเท็จจริงใด บุคคลนั้น จะต้องได้รู้ข้อเท็จนั้น
มาตรา 68 ผู้ใดจำต้องกระทำการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตนหรือของผู้อื่น ให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อ กฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าได้กระทำพอสมควร แก่เหตุ การกระทำนั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้น ไม่มีความผิด
นำเสนอโดยทนายความกฤษดา ดวงชอุ่ม