Home ทริบเทคนิค/บทความ สัญญาระหว่าง สหมงคลฟิมล์กับ จา เป็นโมฆะบางส่วนเปล่าว๊าาาา???

สัญญาระหว่าง สหมงคลฟิมล์กับ จา เป็นโมฆะบางส่วนเปล่าว๊าาาา???

4190

ภาพจากASTV

 

สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านทุกท่าน ผมเพิ่งมารับงานเขียนบทความที่เว็บไซค์ที่นี่เป้นครั้งแรกพอดีผู้ใหญ่ที่เป็นทนายความท่านนึง นิมนต์ ผมมาเขียนบทความที่นี่ ก่อนอื่นผมของแนะนำตัวเองก่อนครับ ผมชื่อ นายวิฑูรย์  เก่งงาน คนทั่วไปเรียก ทนายอ๋อง ปัจจุบันผมเป็นทนายความอยู่ที่ สำนักกฎหมายมารุต-รุจิระ บุนนาค(แถวๆศาลเจ้าพ่อเสือ) ครับ

เข้าเรื่องนะครับ เมื่อวานวันที่ 27 มีนาคม 2558 มีการแถลงข่าวจาก ทนายของสหมงคลฟิมล์ เรียกเสียงฮือฮาพอสมควร จากการที่ ทนายของสหมงคลฟิมล์นำเอกสารให้นักข่าว และที่ร้อนแรงกว่านั้นมีการแถลงข่าว สัญญาหมดตั้งแต่ปี 2556 แต่บริษัทได้ส่งจดหมายลงทะเบียนตอบรับของไปรษณีย์ แล้วคนในบ้านรับไว้ จึงถือว่ารับทราบการต่อสัญญา สัญญาเลยต่อออกไปอีก 10 ปี!!! โอ้!!!แม่เจ้า กล้วยแปดหวีมณีแปดเด้ง!!! เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ ผมเพิ่งเคยเห็นการต่อสัญญาแบบAuto ประชาชนที่ติดตามข่าวก็ฮือฮาว่า สัญญาทาสๆๆ!!!มีที่ไหนสัญญาต่ออัตโนมัติ ผมเองก็งงเป็นไก่ตาแตกครับ สักพักตั้งสติได้ครับเปิดดูประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ประกอบทันทีว่าทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอ(วะ)?

จากภาพข่าว ที่ผมเอาโชว์มานี่ครับคือตัวปัญหาที่สงสัยกันผมเองก็สงสัย คือ สัญญาระหว่างสหมงคลฟิมล์กับ จา พนม ข้อ 3. นะครับ มีความว่า” สัญญาฉบับนี้มีผลผูกพันบริษัท กับนักแสดง ครูฝึก ผู้ควบคุม เป็นระยะเวลา 10 ปี(สิบปี) นับแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2546 ถึงวันที่ 24 กรกฎาคม 2556

ในกรณีที่บริษัทมีความประสงค์จะต่อสัญญาออก บริษัทจะต้องแจ้งความประสงค์ไปยังนักแสดง ครูฝึก ผุ้ควบคุม ทราบล่วงหน้าก่อนครบกำหนดไม่น้อยกว่า 2 เดือน เมื่อบริษัทได้แจ้งความประสงค์ดังกล่าวแบ้วให้ถือว่ามีการต่ออายุสัญญานี้ออกไปตามความประสงค์ของบริษัท”

ประเด็นในข้อ 3. ของสัญญาฉบับดังกล่าวใช้ได้ตามกฎหมายจริงๆหรือไม่ ในประเด็นดังกล่าวจะเป็นเนื้อความที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชนหรือไม่ ที่จะเป็นเหตุให้การต่อสัญญาออกไปอีก 10 ปี ตามอำนาจของสัญญาในข้อ 3. นี้เป็นโมฆะ ซึ่งต้องมาพิจารณาจาก ป.พ.พ.มาตรา 150 มีหลักว่า “การใดมีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย เป็นการพ้อวิสัย หรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน การนั้นเป็นโมฆะ” ฉะนั้นจะการต่อสัญญาแบบAuto จะเป็นโมฆะหรือไม่นั้น ผมไม่อาจจะฟันธงได้ 100% เพราะตลอดเวลาประวัติศาสตร์ชาติไทย ไม่เคยมีคำพิพากาษาศาลฎีกา ในเรื่องกรณีแบบนี้ และไม่เคยมีครูบาอาจารย์กฎหมายท่านใด ได้มีความเห็นในข้อกฎหมายกรณีแบบนี้ ขนาดท่านอาจารย์จิ๊ด เศรษฐบุตร โคตรปรมาจารย์กฎหมายนิติกรรม-สัญญา ก้เหมือนจะไม่เคยมีความเห็นในทำนองถ้ามีข้อสัญญาแบบนี้จะขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนหรือไม่ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านๆมาไม่มีทนายท่านใด พิเรน คิดข้อสัญญาในทำนองแบบนี้มาก่อน ขีดเส้นใต้คำว่า พิเรน 500 เส้นเลยครับ (ฮา)

แต่ไม่เป็นไรครับ ผมว่าผมมีความเห็นเองก้ได้ครับ นักกฎหมายต้องรู้จักคิดเองเป็น กรณีดังกล่าวผมมองว่า น่าจะขัดต่อความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน เนื่องจาก ผมมองว่าหลักคำเสนอ คำสนอง ในอันที่จะมีผลทำให้สัญญาเกิดเป็นเรื่องที่ค่อนข้างซีเรียจ ครับ การจะเกิดสัญญา สัญญาคือนิติกรรมอย่างหนึ่ง ซึ่งต้องมีทั้ง 2 อย่าง ตรงกันจึงเกิดเป้นสัญยา นั่นคือ คำเสนอ และคำสนอง  มีทั้งเสนอต่อหน้า ถ้าสนองรับต่อหน้า(รวมโทรศัพท์) ต่อหน้าสัญญาก็เกิด ตาม ป.พ.พ.มาตรา 356 (ไปเปิดดูมาตราดังกล่าวเอาเองครับ) และแบบที่อยู่ห่างกันโดยระยะทางก็มาตรา 355 กับ มาตรา360 หาเปิดดูได้เลยครับ ผมขี้เกียจพิมพ์ (ฮา) เอาเป็นว่า คำเสนอ กับคำสนอง มันต้องตรงกัน สัญญาระหว่างกันก็จะเกิด อย่างเช่น ผมจะซื้อรถยนต์ คนๆนึง ผมบอกเลย เฮียย้อย ผมขอซื้อรถTOYOTA คันนี้หน่อยเฮีย อันนี้คือ ผมยื่นคำเสนอ เฮียบอกว่า ตกลง อั๊วขาย อันนี้ คำสนอง สัญญาซื้อขายรถยนต์ก็เกิด

มาที่ประเด็นของ การต่อสัญญาแบบAuto ของสหมงคลฟิล์มครับ การที่ทนายอ้างว่า ได้มีการส่งหนังสือขอต่อสัญญา เมื่อมีคนรับ ถือว่าสัญญาได้ต่อไปอีก 10 ปี ผมไม่เห็นด้วยนะ ไอ้หนังสือฉบับดังกล่าว มันควรจะเป็นคำเสนอ ของต่อสัญญา เนื่องจาก สัญญาใกล้จะหมดแล้ว แล้วเสนอให้จะต่อสัญญา จา พนม ถ้ารับคำเสนอ แล้วบอก โอเคครับ เดี๋ยวเรามาทำสัญญากัน รายละเอียดเป็นยังไงก็บังคับกันไปตามสัญญา ถ้าจา พนม บอกว่า โอเค หรือส่งจดหมายกลับไปว่าตกลง ก็เป็นการต่อสัญญา แต่เป็นสัญญาเดิมไหม ผมมองว่าไม่ใช่ เพราะสัญญาเดิมมันจบลงไปแล้ว ต้องมาทำรายละเอียดกันใหม่ การตกลงเฉยๆโดยไม่มีการทำสัญญากันเป็นหนังสือ สัญญาเกิดจริง แต่เป็นสัญญาอะไรใช้บังคับอะไรได้บ้างอันนี้ผมไม่รู้ แต่ก็เป็นที่น่าตลก

ฉะนั้น กรณีที่ทนายความอ้างว่า ได้ส่งหนังสือต่อสัญญาออกไปอีก 10 ปี เมื่อมีคนรับหนังสือดังกล่าวสัญญาก็ต่อไปอีก 10 ปี แล้วอ้างหลักกฎหมายปิดปาก ตลกครับ ดูแล้วขำ ในสัญญาข้อ 3. เรื่องระยะเวลาของสัญญา และต่อสัญญา ผมมองว่ามันขัดกับความสงบเรียบร้อย ก็ต้องที่ บริษัทมีแต่เพียงแจ้งความประสงค์ว่าต่อสัญญา เมื่อรับความประสงค์สัญญาก็ต่อออกไปอีก แบบนี้ระยะเวลาสัญญาก็กลายเป็นสัญญาเสมือน สัญญาไม่มีกำหนดระยะเวลา แม้จะอ้าง ก็ต่อไปอีก 10 ปี แต่ถ้าคุณแจ้งต่อไปอีก 10 ปี เมื่อจะครบ 10 ปี คุณก็แจ้งต่อไปอีก 10 ปี 10 ปี 10 ปี ต่อยังตายสัญญาไม่รู้จบ  โดยเป็นการแจ้งฝ่ายเดียว ไม่ต้องรอรับคำสนองต่อคู่สัญญาอีกฝ่าย ก็จะเป็นการปั่นป่วนกับสังคมน่าดู เจตนารมณ์ของกฎหมายไม่น่าจะเปิดช่องให้ทำได้ขนาดนั้น และผมมองว่า แม้เดิมมีคำเสนอ สนองมาก่อน เกิดเป็นสัญญา แต่สัญญานี้ เป็นสัญญาที่จะมีการต่อสัญญาได้ออกไปไม่รู้จบ โดยต่อครั้งต่อไปเป้นการแสดงเจตนาคำเสนอฝ่ายเดียว ก็เป็นเหตุให้ขัดกับกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เรื่องคำเสนอ และคำสนองพอสมควร กลายเป็นสัญญาที่จะผูกมัดคนๆนึงออกไปเรื่อยๆ เป็นข้อสัญญาที่น่าจะขัดต่อความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน คือเป็นโมฆะ แต่ผมมองว่าสัญญาทั้งฉบับก่อนที่สัญญานี้จะครบกำหนดก่อนปี 2556 ไม่ได้เป็นโมฆะทั้งหมด แต่เป็นโมฆะเพียงข้อ 3. นี่แหละครับ ตาม มาตรา173 (หาเปิดเอาเองครับ)  เพราะถ้ากรณีแบบนี้การต่อสัญญาของสหมงคลฟิมล์กลับกลายเป็นสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมาย ไปคราวนี้สังคมไทยในอนาคต ก็คงจะวุ่นวายน่าดู สมุมติแบบผมรับเป็นที่ปรึกษากฎหมายให้บริษัทแห่งหนึ่งมีกำหนด 5 ปี จะครบ 5 ปี ประธานบริษัท แมร่งทะลึ่งส่งจดหมายแจ้งความประสงค์ต่อสัญญาอีก 5 ปี คนที่สำนักงานรับจดหมายนั้น แมร่งกลายเป็นต่อสัญญาAuto อีก 5 ปี แล้วเกิดทุกๆวงการ ทุกๆบริษัท ที่มีการว่าจ้างคนมาทำงาน สังคมคงวุ่นวายและปั่นป่วนน่าดู

เมื่อเป็นโมฆะ ในข้อ3. การแจ้งต่อสัญญาใหม่ของ สหมงคลฟิล์ม จึงเป็นแค่คำเสนอ เมื่อจา ไม่มีคำสนองกลับมา สัญญาก็ไม่เกิด  และเมื่อครบกำหนด ตาม สัญญาคือ วันที่  26 กรกฎาคม 2556 สัญญาก็สิ้นสุดลงโดยผลของมันเอง ครับ ความเห็นผมนะ

บทความนี้เป็นเพียงความเห็นทางด้านกฎหมายนะครับ ไม่ใช่ว่าความเห็นนี้จะผิด หรือถูก 100% ส่วนการต่อสัญญาแบบนี้จะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เราต้องรอดูคำพิพากษาของศาลกันต่อไป และจะเป็นแนวทางให้นักกฎหมายได้ศึกษา ประเด็นดังกล่าวกันต่อไป

              ด้วยความเคารพท่านผู้อ่านทุกท่าน

ทนายวิฑูรย์  เก่งงาน

ปล.ขอขอบคุณภาพข่าวASTV ครับ

Facebook Comments