กรณีหญิงไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับสามี บุตรที่เกิดมาย่อมเป็นบุตรนอกกฎหมายของสามี และบิดานอกกฎหมายไม่มีหน้าที่จะต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรนอกสมรส แต่บุตรนอกสมรสนั้นจะเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายได้
ต้องเป็นกรณีดังต่อไปนี้
1. บิดามารดาสมรสกันในภายหลัง
2. บิดาจดทะเบียนรับรองบุตร
3. ศาลมีคำพิพากษาว่าเด็กนั้นเป็นบุตร
มาตรา 1547 เด็กเกิดจากบิดามารดาที่มิได้สมรสกัน จะเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายต่อเมื่อบิดามารดาได้สมรสกันในภายหลังหรือบิดาได้จดทะเบียนว่าเป็นบุตรหรือศาลพิพากษาว่าเป็นบุตร
แต่อย่างไรก็ตามก็สามารถฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรได้ โดยฟ้องให้ศาลพิพากษาว่า บิดาของเด็กเป็นบิดาที่ชอบด้วยกฎหมาย และเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรในคดีเดียวกันเลย ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1555(3) (4) (5) (7) ซึ่งบัญญัติว่า การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายให้มีได้ในกรณีต่อไปนี้
- เมื่อมีเอกสารของบิดาแสดงว่าเด็กนั้นเป็นบุตรของตน
- เมื่อปรากฎในทะเบียนคนเกิด
- เมื่อบิดามารดาได้อยู่กินด้วยกันอย่างเปิดเผย
เมื่อมีพฤติการณ์ที่รู้กันทั่วไปตลอดมาว่าเป็นบุตรตามกรณีข้างต้นแล้ว ก็ย่อมส่งผลให้บิดามารดามีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาตามสมควรแก่บุตรในระหว่างที่เป็นผู้เยาว์ ตามมาตรา 1564 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพานิชย์
โดยหลัก การที่จะมีสิทธิเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดู นั้นต้องพิจารณาต่อไปนี้
บทบัญญัติ ป.พ.พ. มาตรา 1598/38 เป็นการกำหนดให้สิทธิแก่บิดามารดากับบุตรสามารถฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูระหว่างกันได้เท่านั้น
ส่วนการดำเนินการร้องขอค่าอุปการะเลี้ยงดูมีบทบัญญัติมาตรา 1565 ซึ่งกำหนดให้พนักงานอัยการเป็นผู้ยกคดีขึ้นว่ากล่าวแล้วยังกำหนดให้บิดาหรือมารดาสามารถนำคดีขึ้นว่ากล่าวได้เองด้วย
บทบัญญัติมาตรา 1564 วรรคหนึ่ง กำหนดให้บิดามารดามีหน้าที่ร่วมกันอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาแก่บุตรผู้เยาว์อันมีลักษณะเป็นลูกหนี้ร่วมกัน ซึ่งในระหว่างลูกหนี้ร่วมกันนั้นย่อมจะต้องรับผิดเป็นส่วนเท่า ๆ กัน เว้นแต่จะได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นตามมาตรา 296
การฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์มีอายุความ 5 ปีนับแต่วันที่บิดามารดาหรือบิดามารดาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูหรือในกรณีที่บิดาหรือมารดาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูไปฝ่ายเดียว ก็มีสิทธิเรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงดูจากอีกฝ่ายนับแต่วันที่ตนได้ชำระไปซึ่งถือว่าเป็นวันที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้ ตามมาตรา 193/33 (4) ประกอบมาตรา 193/12
สำหรับการดำเนินการร้องขอค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรนั้น มีบทบัญญัติมาตรา 1565 บัญญัติไว้เป็นกรณีเฉพาะว่า นอกจากบุตรจะให้พนักงานอัยการเป็นผู้ยกคดีขึ้นว่ากล่าวตามมาตรา 1562 ได้แล้ว ยังกำหนดให้บิดาหรือมารดาก็สามารถนำคดีขึ้นว่ากล่าวเองได้ด้วย
นอกจากนี้มาตรา 1564 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “บิดามารดาจำต้องอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาตามสมควรแก่บุตรในระหว่างที่เป็นผู้เยาว์ตามบทบัญญัติดังกล่าวเห็นได้ว่า บิดามารดามีหน้าที่ร่วมกันอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาแก่บุตรผู้เยาว์อันเป็นลูกหนี้ร่วมกันซึ่งในระหว่างลูกหนี้ร่วมกันนั้นย่อมจะต้องรับผิดเป็นส่วนเท่า ๆ กัน เว้นแต่จะได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นตามมาตรา 296
นายเกรียงศักดิ์ นวลศรี
น.บ น.บ.ท วิชาชีพว่าความ ที่ปรึกษากฎหมาย และผู้เขียนบทความในเว็บตั๋วทนาย.com