 |
 |
 |
ในอดีต การ Branding มักเน้นไปที่จุดที่แบรนด์ได้เจอลูกค้า
อย่างเช่น หน้าร้าน การออกบูธ โบรชัวร์ โลโก้ การทำ event CSR หรือไม่ก็โฆษณา
ซึ่งแตกต่างกับปัจจุบัน ที่ลูกค้ามีโอกาสสัมผัสกับแบรนด์ได้ทุกวันผ่านโซเชียลมีเดีย
แล้วถ้าทนายทำแบรนด์ตัวเองนั้น ในอดีตก็ต้องใช้การออกไปพบลูกความเป็นหลัก แล้วปล่อยให้มีการบอกต่อกันไป
แต่ในปัจจุบัน ทนายความสามารถเจอกับลูกความทางช่องทางออนไลน์ได้ ทั้งทางเว็บ บล็อก หรือสื่อโซเชียล
สามารถสร้างแบรนด์ออนไลน์ได้ตลอดเวลา แต่พึงจำไว้ว่าลูกความที่ “เล่น” โซเชียลมีเดียไม่ได้คาดหวังที่จะถูกขายอยู่ตลอดเวลา
ก็เวลาที่เราเล่น เราอยากโดนขัดจังหวะด้วยการขายอยู่เรื่อยๆ ไหมล่ะครับ?
.
ด้วยว่าภาพลักษณ์ของแบรนด์ จะเกี่ยวเนื่องกับ Content หรือ “เนื้อหา” ที่แบรนด์ส่งออกมา
ดังนั้นถ้าแบรนด์เอาแต่ขายอย่างเดียว แทนที่ลูกความจะจดจำเนื้อหา Content ได้
ลูกความกลับจะเริ่มมองข้าม มองผ่านเลย และเลิกสนใจ Content ไปแทน
ลองนึกภาพเวลาคนเห็นหน้าทนายความแล้วเมินหน้าหนีสิครับ… น่าเป็นห่วงไหม
.
ดังนั้นการสร้างแบรนด์ในยุดโซเชียลมีเดีย
จึงไม่ได้หมายความถึงรูปโลโก้หรือโปรไฟล์เท่านั้น
แต่ยังหมายถึงทั้งข้อความ โพสต์ รูปภาพ รูปวาด วิดีโอ และ Content อื่นๆ อีกด้วย
ซึ่งการสร้างลายเซ็นที่ชัดเจนให้กับ Content ก็จะช่วยให้คนมีภาพจำของแบรนด์ได้สะดวกขึ้นด้วย
.
เมื่อมาถึงจุดนี้ หลายคนอาจเริ่มหนักใจว่าจะสร้าง Content เจ๋งๆ อย่างไรดี
แต่สิ่งที่ผมอยากเตือนไว้ก็คือ แม้ว่าคุณภาพของ Content จะสำคัญ
แต่อีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ ความสม่ำเสมอ
.
ระหว่างการสร้างแบรนด์ด้วย Content เจ๋งๆ ระดับ Super แต่นานๆ จะมีสักที
กับการสร้างแบรนด์ด้วย Content คุณภาพมาตรฐาน แต่มีมาให้เรื่อยๆ ไม่เคยขาด
Content ที่สม่ำเสมออย่างไรก็มีข้อได้เปรียบมากกว่า
.
ความสม่ำเสมอเป็นกุญแจสำคัญที่ใช้เปิดประตูหัวใจครับ
ผมมั่นใจว่าหนุ่มหลายคนเคยใช้มุก “สม่ำเสมอ” นี้กับสาวๆ และน่าจะได้ผลด้วย kiki emoticon
เพียงแต่ครั้งนี้เราเอามาใช้กับลูกค้าของแบรนด์
.
จงใช้ Content “จีบ” ลูกค้าผ่านโซเชียลมีเดียอยู่เรื่อยๆ อย่างสม่ำเสมอ
แล้วสักวันแบรนด์ทนายความของเราจะเข้าไปอยู่ในหัวใจลูกค้าได้แน่นอน
ปล. สัมมนาสร้างแบรนด์ทนาย รุ่นที่ 3 จัดวันอาทิตย์ที่ 1 พ.ย.นี้ เริ่มจองได้ันที ดูรายละเอียดที่ http://drekkasit.com/seminarlawyer/
|
|
|
|
