สัญญากู้มีดอกเบี้ยเกินอัตรากฎหมายกำหนดรวมอยู่ด้วย ฟ้องได้หรือไม่
คำตอบเคยมีคำพิพากษาศาลฎีกาวินิจฉัยไว้ดังนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7207/2555
บิดาโจทก์และโจทก์คิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ3 ต่อเดือน หรือร้อยละ 36 ต่อปี ซึ่งเกินกว่าอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ต้องห้ามตามป.พ.พ.มาตรา 654 และ พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราฯ มาตรา 3 (ก)ดอกเบี้ยตกเป็นโมฆะ ต้นเงินตามสัญญากู้เงินที่ได้มาจากดอกเบี้ยที่ไม่ชอบทั้งหมดย่อมตกเป็นโมฆะด้วย แม้สัญญากู้ยืมเงินมีส่วนของต้นเงินที่มาจากดอกเบี้ยที่ไม่ชอบรวมอยู่ด้วยก็ไม่ทำให้ส่วนของต้นเงินที่ชอบจำนวน208,115.06 บาท เสียไปด้วยเพราะพึงสันนิษฐานโดยพฤติการณ์แห่งกรณีได้ว่าโจทก์และจำเลยทั้งสองเจตนาให้ส่วนที่ไม่เป็นโมฆะแยกออกจากส่วนที่เป็นโมฆะได้ตามป.พ.พ.มาตรา 173 โจทก์จึงคงมีสิทธิเรียกร้องตามสัญญากู้ในส่วนต้นเงินจำนวน208,115.06 บาท การที่จำเลยทั้งสองชำระดอกเบี้ยที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นการชำระหนี้ตามอำเภอใจทั้งที่รู้อยู่ว่าตนไม่มีความผูกพันที่จะต้องชำระจำเลยทั้งสองจึงไม่อาจเรียกร้องคืนหรือให้นำมาหักหนี้ที่จำเลยทั้งสองค้างชำระอยู่ได้ตามป.พ.พ.มาตรา 407
แม้โจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยจากจำเลยทั้งสองตามสัญญากู้เงินเพราะตกเป็นโมฆะแต่เมื่อหนี้เงินกู้เป็นหนี้เงินโจทก์ยังคงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดอัตราร้อยละ7.5 ต่อปี ได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 224 วรรคหนึ่งเมื่อสัญญากู้เงินกำหนดให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้ตามวันแห่งปฏิทินจำเลยทั้งสองมิได้ชำระตามกำหนดจึงตกเป็นผู้ผิดนัดทันทีตาม ป.พ.พ. มาตรา 204วรรคสอง จำเลยทั้งสองต้องรับผิดดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินจำนวน 208,115.06 บาท
มีปัญหาคดีความปรึกษาทีมงานทนายกฤษดา
0891427773 ไลน์ไอดี Lawyers.in.th