คำถาม
โจทก์ไม่มาศาลในวันนัดพร้อมเพื่อสอบคําให้การจําเลยและกําหนดวันนัด สืบพยานโจทก์ ศาลพิพากษายกฟ้อง ชอบหรือไม่
คําตอบ มีคําพิพากษาฎีกาวินิจฉัยไว้ดังนี้
คําพิพากษาฎีกาที่ ๗๔๙๓/๒๕๖๐ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๖๖ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า ถ้าโจทก์ไม่มาตามกําหนดนัด ให้ศาลยกฟ้องเสีย ซึ่งคําว่า “กําหนดนัด” ตามบทบัญญัติดังกล่าว หมายถึง กําหนดนัดไต่สวนหรือกําหนดนัดพิจารณา
โจทก์ไม่มาศาลในวันนัดพร้อมเพื่อสอบค่าให้การจําเลยและกาหนดวันนัด สืบพยานโจทก์ ซึ่งมิใช่วันนัดพิจารณาหรือนัดสืบพยานโจทก์ /แต่เป็นวันที่โจทก์มาศาลเพื่อ กําหนดวันนัดสืบพยานโจทก์และฟังกําหนดวันนัดพิจารณาคดี กรณีจึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๖๖ วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา ๑๘๑ ที่ศาล จะยกฟ้องได้
ดังนั้น ที่ศาลชั้นต้นมีคําสั่งให้ยกฟ้องโจทก์ เพราะเหตุที่โจทก์ไม่มาศาลโดยไม่แจ้ง เหตุขัดข้อง โดยอาศัยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๖๖ วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา ๑๘๑ และพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญา ในศาลแขวง พ.ศ. ๒๔๙๙ มาตรา ๔ แล้วดําเนินกระบวนพิจารณาต่อมาหลังจากมีคําสั่งดังกล่าว จึงไม่ชอบ
หมายเหตุ เคยมีคําพิพากษาฎีกาวินิจฉัยไปอีกแนวหนึ่งดังนี้ | คําพิพากษาฎีกาที่ ๗๘๔๖/๒๕๕๙
ตามคําขอท้ายคําฟ้องอาญาของโจทก์มีข้อความว่า “ข้าพเจ้าได้ยื่นสําเนาคําฟ้องโดย ข้อความถูกต้องเป็นอย่างเดียวกันมาด้วย ๑ ฉบับ และรอฟังคําสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว” และศาลชั้นต้นมีคําสั่งในฟ้องของโจทก์วันเดียวกับที่โจทก์ยื่นฟ้องมีใจความว่าประทับฟ้อง สําเนา ให้จําเลย จําเลยถูกควบคุมตัวอยู่ในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เบิกตัวจําเลยมาสอบ คําให้การพร้อมผู้ปกครองในวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ แจ้งสถานพินิจฯ และผู้ปกครองทราบ ดังนี้ ต้องถือว่าโจทก์ทราบคําสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งในฟ้องของโจทก์และกําหนดสอบคําให้การจําเลย ในวันดังกล่าวโดยชอบแล้ว โดยไม่จําเป็นต้องแจ้งคําสั่งศาลชั้นต้นให้โจทก์ทราบหรือมีหมายแจ้ง วันนัดให้โจทก์ทราบอีก
การสอบคําให้การจําเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๗๒ วรรคสอง เป็นการพิจารณาคดีอย่างหนึ่งภายหลังจากโจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลแล้วโดยกฎหมายกําหนด ให้โจทก์หรือทนายโจทก์และจําเลยต้องมาอยู่ต่อหน้าศาลพร้อมกันและให้ศาลอ่านและอธิบายฟ้องให้จําเลยฟัง และถามจําเลยว่าได้กระทําผิดจริงหรือไม่และจะให้การต่อสู้อย่างไรบ้าง เมื่อจําเลย ให้การอย่างไรก็ให้ศาลจดไว้ ซึ่งไม่ว่าจําเลยจะให้การรับสารภาพหรือให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์ โจทก์ ยังคงมีหน้าที่ที่จะต้องแถลงให้ศาลทราบว่ายังประสงค์จะให้ดําเนินการอย่างไรต่อไปหรือไม่ ทรนัด สอบคําให้การจําเลยจึงเป็นการนัดพิจารณาคดี ซึ่งโจทก์มีหน้าที่ต้องมาศาลในวันดังกล่าว แม้ในคําสั่งศาลชั้นต้นจะไม่ได้กําหนดเวลาไว้ก็ตาม แต่โจทก์ก็มีหน้าที่ต้องมาศาลตามเวลาที่ศาล เปิดทําการตามปกติเพื่อให้การพิจารณาคดี ของศาลตําเป็นไปได้โดยรวดเร็วสมดังเจตนารมณ์ของ กฎหมาย ทั้งศาลชั้นต้นได้ให้เจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก็โทรศัพท์ติดต่อไปที่สํานักงานของโจทก์เพื่อแจ้ง ให้โจทก์มาศาลอีกทางหนึ่งแล้ว แต่ศาลรออยู่จนกระทั่งเวลา ๑๖.๓๐ นาฬิกา โจทก์ก็ไม่มาศาล โดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง ดังนี้ เมื่อโจทก์ทราบนัดโดยชอบแล้ว แต่ไม่มาศาลตามกําหนดนัดสอบ คําให้การจําเลย ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา ๑๘๑ ประกอบมาตรา ๑๖๖
มีปัญหาคดีความปรึกษาทีมงานทนายกฤษดา
089-142-7773 ไลน์ไอดี Lawyers.in.th