ในวันนี้ทีมงานทนายกฤษดา เจอเคสแปลกเคสนึงในทำนองว่าอยากให้ศาลมีคำสั่งแยกกันอยู่ชั่วคราวนั้นสามารถทำได้หรือไม่ อย่างไร
หากพิจารณาจากหลักกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่เคยตัดสิน
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์กับจำเลยเป็นสามีภรรยากันโดยชอบด้วยกฎหมายระหว่างอยู่กินเป็นสามีภรรยากัน จำเลยได้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงโดยเสพสุราเมาเป็นอาจิณและทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภรรยากันอย่างร้ายแรง ด่าว่าโจทก์อย่างหยาบช้าสามานย์ และใช้กำลังทำร้ายร่างกายอย่างทารุณ ถ้าอยู่ร่วมกันต่อไปจะเป็นอันตรายแก่อนามัยและทำลายความผาสุกอย่างมากของโจทก์ โจทก์ต้องออกจากบ้านไปอาศัยอยู่กับญาติและไม่สามารถเลี้ยงตนเองได้ ขอให้ศาลสั่งให้โจทก์แยกกันอยู่กินกับจำเลยและใช้จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดู
จำเลยให้การว่า จำเลยได้อุปการะเลี้ยงโจทก์อย่างดีที่สุดแต่โจทก์ประพฤติตัวชั่วช้าสามานย์ ลักลอบเล่นการพนันผลาญทรัพย์เป็นอาจิณ ถูกตำรวจจับเรื่องเล่นการพนันส่งฟ้องศาลได้รับโทษถึง 2 ครั้ง เอาค่าใช้จ่ายประจำเดือน หลอกเก็บดอกเบี้ยจากลูกหนี้และค่าเช่าจากผู้เช่าเอาไปเล่นการพนัน เป็นเจ้ามือเถื่อนสลากกินรวบและลักเอาเครื่องทองรูปพรรณสินเดิมของจำเลยไปจำนำ โจทก์ทิ้งร้างจำเลยไปด้วยความสมัครใจของโจทก์เอง จำเลยไม่มีหน้าที่จะต้องอุปการะเลี้ยงดูโจทก์ตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้โจทก์อยู่ต่างหากกับจำเลยให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูโจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เหตุต่าง ๆ ดังที่โจทก์ยกขึ้นอ้างและเบิกความถึงจะเกิดขึ้นเสมอ ๆ จนแทบจะกล่าวได้ว่าเป็นปกติหรือไม่ ไม่ปรากฏถ้าหากเป็นแต่เพียงเกิดขึ้นบ้างเป็นครั้งคราว จากการที่ได้เป็นสามีภริยากันมารวม 2 ระยะเป็นเวลาประมาณ 7-8 ปีแล้ว ก็น่าจะไม่ใช่เป็นเรื่องถึงกับจะเป็นเหตุให้แยกกันอยู่ได้แม้จะปรากฏว่าจำเลยได้ฟันโจทก์ 2 ครั้งที่แขนซ้ายและมือซ้าย กับเอากาแฟร้อนสาดหน้าและต่อยโจทก์ก็ดี แต่ก็ปรากฏว่าโจทก์ก็ฟันจำเลยถึงกระดูกนิ้วขาด และเหตุดังกล่าวนี้แม้จะนับได้ว่าเป็นเรื่องรุนแรงอยู่มากก็ดีก็ไม่มีลักษณะจะเป็นเหตุที่โจทก์จะขอให้ตนแยกอยู่ต่างหากจากจำเลยดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1455 นั้นได้
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ยกฟ้องโจทก์
สรุปยาว
จำเลยชอบดุด่า ชอบเสพสุรา เคยฟันโจทก์ 2 ครั้งที่แขนซ้ายและมือซ้ายเคยเอากาแฟร้อนสาดหน้าและต่อยโจทก์และโจทก์ก็เคยฟันจำเลยถึงกระดูกนิ้วขาดแม้จะนับได้ว่าเป็นเรื่องรุนแรงอยู่มาก แต่ก็เกิดขึ้นเป็นครั้งคราวจากการที่ได้เป็นสามีภริยากันมารวม 2 ระยะ เป็นเวลาประมาณ 7-8 ปีแล้ว ถือว่าไม่มีลักษณะจะเป็นเหตุที่โจทก์จะขอให้ตนแยกอยู่ต่างหากจากจำเลยดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1455
หมายเหตุ เหตุตามที่ฟ้องนี้อาจฟ้องขอหย่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1500(2) แต่ขาดอายุความแล้ว
วิธีการบรรยายคำร้อง/คำฟ้อง
1.สถานะของผู้ร้อง
คำร้องต้องบรรยายให้เห็นว่า ผู้ร้องเป็นสามีหรือภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย
2.เนื้อหาคำร้อง
ต้องบรรยายให้ศาลเห็นว่า สามีภริยาไม่สามารถที่จะอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาโดยปกติสุขได้ หรือถ้าการอยู่ร่วมกันจะเป็นอันตรายแก่กายหรือจิตใจหรือทำลายความผาสุกอย่างมาก สามีหรือภริยาฝ่ายที่ไม่สามารถที่จะอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาโดยปกติสุขได้หรือฝ่ายที่จะต้องรับอันตรายหรือถูกทำลายความผาสุก
3.คำขอ
ศาลเพื่อให้มีคำสั่งอนุญาตให้ตนอยู่ต่างหากในระหว่างที่เหตุนั้น ๆ ยังมีอยู่ก็ได้
หมายเหตุ
ในกรณีเช่นนี้ศาลจะกำหนดจำนวนค่าอุปการะเลี้ยงดูให้ฝ่ายหนึ่งจ่ายให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งตามควรแก่พฤติการณ์ก็ได้
มีปัญหาคดีความเรื่องครอบครัวปรึกษาทีมงานทนายกฤษดา
โทร 089-142-7773 ไลน์ไอดี Lawyers.in.th