โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งประกอบกิจการต่อเนื่องกับผู้อื่นและในการพาณิชย์กิจใด ๆ เพื่อเอาเปรียบในทางการค้า บังอาจมีเครื่องชั่งพิกัดกำลัง 35 กิโลกรัม ใช้ในกิจการชั่งน้ำหนักขายข้าวสารและสินค้าอื่น ๆ ให้แก่ผู้มาติดต่อซื้อ โดยเครื่องชั่งดังกล่าวตุ้มน้ำหนักที่ใช้น้ำหนักขาดไปจากน้ำหนักมาตรฐาน ทำให้จำเลยได้เปรียบลูกค้า ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 270 พระราชบัญญัติมาตราชั่ง ตวง วัด พ.ศ. 2466 มาตรา 31, 38 และริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 270พระราชบัญญัติมาตรา ชั่ง ตวง วัด พ.ศ. 2466 มาตรา 31, 38 ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 270 ซึ่งเป็นบทหนักตามมาตรา 90 ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่งแล้ว จำคุก 3 เดือน ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้รอการลงโทษจำคุกมีกำหนด 2 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำคุกจำเลยโดยไม่รอการลงโทษ และร้องขอให้ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกา
ศาลชั้นต้นโดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดีนี้เห็นว่า ฎีกาของโจทก์มีเหตุอันสมควรที่จะได้รับการวินิจฉัยจากศาลสูง เพราะเป็นปัญหาสำคัญในภาวะปัจจุบัน จึงอนุญาตให้ฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 221
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 3 เดือนศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้รอการลงโทษจำคุกมีกำหนด 2 ปี ที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษ จำคุกจำเลยโดยไม่รอการลงโทษเป็นการฎีกาคัดค้านดุลพินิจของศาลอุทธรณ์อันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2517มาตรา 6 เว้นแต่ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาหรือทำความเห็นแย้งในศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์พิเคราะห์เห็นว่า ข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุดและอนุญาตให้ฎีกา หรืออธิบดีกรมอัยการลงลายมือชื่อรับรองในฎีกาว่ามีเหตุอันควรที่ศาลสูงสุดจะได้วินิจฉัย จึงให้รับฎีกานั้นไว้พิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221และข้อความที่ว่า “ข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุด”นั้น หมายถึงข้อความที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ตัดสินว่าพยานหลักฐานของโจทก์และจำเลยฟังได้ว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่นั้น เป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุด แต่คดีนี้โจทก์ฎีกาเพียงขอให้ลงโทษจำคุกจำเลยโดยไม่รอการลงโทษ ที่ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาในศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาโดยเห็นว่าฎีกาของโจทก์มีเหตุอันควรที่จะได้รับการวินิจฉัยจากศาลสูงเพราะเป็นปัญหาสำคัญในภาวะปัจจุบัน เป็นการอนุญาตให้โจทก์ฎีกาเพื่อ ศาลฎีกาจะใช้ดุลพินิจว่าควรรอการลงโทษจำคุกจำเลยหรือไม่เท่านั้น มิใช่เป็นการฎีกาและอนุญาตให้ฎีกาเพื่อศาลฎีกาจะได้วินิจฉัยว่าพยานหลักฐานของโจทก์และจำเลยฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ ฎีกาของโจทก์จึงไม่เป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุด ที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ฎีกานั้น ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายกฎีกาของโจทก์
มีปัญหาคดีความปรึกาษาทีมงานทนายกฤษดา
โทร 089-142-7773 ไลน์ไอดี Lawyers.in.th