คําถาม โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจําเลยโดยอ้างว่าจําเลยฟ้องเท็จโจทก์ ในคดีอาญา โดยก่อนฟ้องคดีนี้ โจทก์ได้ยื่นฟ้องจําเลยในข้อหาฟ้องเท็จ ซึ่งคดีอาญา ดังกล่าวอยู่ระหว่างการไต่สวนมูลฟ้อง ดังนี้ ในการพิจารณาคดีแพ่งศาลจําต้องรอฟัง ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคดีอาญาหรือไม่
คําตอบ มีคําพิพากษาฎีกาวินิจฉัยไว้ดังนี้
คําพิพากษาฎีกาที่ ๕๗๔๓/๒๕๕๙
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ อาญา มาตรา ๔๐ บัญญัติว่า การฟ้องคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาจะฟ้องต่อศาล ซึ่งพิจารณาคดีอาญาหรือต่อศาลที่มีอํานาจชําระคดีแพ่งก็ได้ การพิจารณาคดีแพ่ง ต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง คดีนี้เป็นคดีแพ่งที่ เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาหมายเลขดําที่ ๓๔๓/๒๕๕๔ ของศาลชั้นต้น การพิจารณาคดีจึง ต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งไม่ปรากฏ บทบัญญัติให้การพิจารณาคดีแพ่งต้องรอฟังข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคดีอาญา และคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาโดยไม่ได้รอฟังข้อเท็จจริงในคดีอาญาเพราะคดีอาญายังไม่ ถึงที่สุด จึงไม่มีข้อเท็จจริงในคําพิพากษาคดีส่วนอาญาที่ถึงที่สุดให้จําต้องถือตาม ดังนั้น ศาลชั้นต้นจึงต้องพิจารณาพิพากษาคดีไปตามพยานหลักฐานที่โจทก์นําสืบ ที่ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุผลว่าคดีส่วนอาญายังไม่ถึงที่สุด ข้อเท็จจริงจึงยังไม่ยุติว่า จําเลยฟ้องคดีอาญาอันเป็นเท็จ พยานหลักฐานโจทก์ยังรับฟังไม่ได้ว่า คดีของโจทก์มีมูล แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะนําคําฟ้องมายื่นใหม่ จึงเป็นกรณีที่ศาล ชั้นต้นมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการ พิจารณาและเพื่อให้การพิจารณาเป็นไปตามลําดับชั้นศาล จึงเห็นสมควรยกคําพิพากษา ศาลอุทธรณ์ภาค ๘ และศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษาใหม่ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๓ (๒) ประกอบมาตรา ๒๔๗ (เดิม)
สรุป ไม่มีบทบัญญัติใดให้รอฟังผลคดีอาญา
มีปัญหาคดีความปรึกษาทีมงานทนายกฤษดา
โทร 089-142-7773 ไลน์ไอดี Lawyers.in.th