คำถาม
ผู้กู้เซ็นต์สัญญากู้ในช่องพยาน ต้องรับผิดตามสัญญาเงินกู้หรือไม่
คำตอบ
เคยมีคำพิพากษาศาลฎีกาวินิจฉัยไว้ดังนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3262/2535
จำเลยทั้งสองกู้ยืมเงินโจทก์ไปจริง การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งในสัญญาตอนต้นระบุว่าเป็นผู้กู้ลงลายมือชื่อในช่องพยาน และจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อในช่องผู้กู้โดยไม่มีชื่อเป็นผู้กู้ในตอนต้นของสัญญาไม่ทำให้เอกสารดังกล่าวไม่ใช่หลักฐานแห่งการกู้ยืมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคแรก จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดตามข้อความในเอกสารดังกล่าว
เหตุผลของคำวินิจฉัย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันทำสัญญากู้ยืมเงินจำนวน10,000 บาทจากโจทก์ โดยจำเลยที่ 2 ได้ซื้ออวนจากโจทก์เป็นเงิน 6,000 บาท แต่ไม่มีเงินชำระจึงได้ทำสัญญากู้ให้ไว้และในวันทำสัญญาภริยาจำเลยที่ 2 ได้รับเงินจากโจทก์อีก 4,000บาท แต่ในหนังสือสัญญากู้ยืมเงินเอกสารหมาย จ.1 จำเลยที่ 1ไม่มีชื่อเป็นผู้กู้ แต่ได้ลงลายมือชื่อในช่องผู้กู้ ส่วนจำเลยที่ 2 มีชื่อเป็นผู้กู้ แต่ได้ลงลายมือชื่อในช่องพยาน คงมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า หนังสือสัญญากู้ยืมเงินตามเอกสารหมาย จ.1 เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินซึ่งจะนำมาใช้ฟ้องบังคับให้ชำระหนี้ได้หรือไม่เห็นว่าเมื่อจำเลยทั้งสองกู้ยืมเงินโจทก์ไปจริง การที่จำเลยที่ 2ซึ่งในสัญญาตอนต้นระบุว่าเป็นผู้กู้ลงลายมือชื่อในช่องพยานและจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อในช่องผู้กู้โดยไม่มีชื่อเป็นผู้กู้ในตอนต้นของสัญญาหาทำให้เอกสารดังกล่าวไม่ใช่หลักฐานแห่งการกู้ยืมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคแรก ไม่จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดตามข้อความในเอกสารดังกล่าว ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามาต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา”
พิพากษายืน
สรุป ผู้กู้ต้องรับผิดแม้เซ็นต์ในช่องพยาน
มีปัญหาคดีความเกี่ยวกับสัญญาเงินกู้ โทรปรึกษาทีมงานทนายกฤษดา
โทร 089-142-7773 ไลน์ไอดี @lawyers.in.th