โจทก์ไม่มาศาลในวันนัดพร้อมเพื่อฟังผลการเจรจา ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องหรือไม่
คําถาม โจทก์ไม่มาศาลในวันนัดพร้อมเพื่อฟังผลการเจรจาเพื่อจะทําความ ตกลงกัน จะถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องหรือไม่ ใส ในรายการหนาวได้ 10 ไปแล้ว .. ผมล คําตอบ มีคําพิพากษาฎีกาวินิจฉัยไว้ดังนี้ 100 เมตร เป็นเครื่องได้เป็น
คําพิพากษาฎีกาที่ ๓๑๙๒/๒๕๕๗ และนในวันนัดสืบพยานโจทก์ทั้งสี่นัดแรกโจทก์ทั้งสี่และจําเลยแถลงร่วมกันว่า โจทก์ทั้งสี่ทําสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับจําเลย แต่โจทก์ทั้งสี่ผิดสัญญา จําเลยจึง ฟ้องโจทก์ทั้งสี่ต่อศาลชั้นต้น ต่อมาโจทก์ทั้งสี่และจําเลยตกลงทําสัญญาประนีประนอม ยอมความกันโดยศาลชั้นต้นมีคําพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความเป็นคดี หมายเลขแดงที่ ๓๔๔/๒๕๕๑ และคดีอยู่ในระหว่างการบังคับคดี โจทก์ทั้งสี่และจําเลย สามารถตกลงยอดหนี้กันได้แล้ว โดยอยู่ในระหว่างการพิจารณาอนุมัติของกรรมการจําเลย และขอความเห็นชอบจากบรรษัทประกันสินเชื่อเพื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม คาดว่าจะใช้ เวลาประมาณ ๒ เดือน และโจทก์ทั้งสี่แถลงเพิ่มเติมว่า หากตกลงกันได้จะถอนฟ้อง คดีนี้ ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีน่าจะมีทางตกลงกันได้ จึงให้เลื่อนไปนัดพร้อมเพื่อฟังผลการเจรจา ครั้นเมื่อถึงวันนัดโจทก์ทั้งสี่ไม่มาศาล โดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง มีปัญหาว่า ศาลชั้นต้น มีคําสั่งว่าโจทก์ทั้งสี่ทิ้งฟ้องและจําหน่ายคดีโจทก์ทั้งสื่ออกจากสารบบความเป็นคําสั่งที่ชอบ ด้วยกฎหมายหรือไม่
เห็นว่า บทบัญญัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๔ (๒) ไม่ได้หมายความว่า เมื่อศาลกําหนดให้โจทก์ทั้งสี่ดําเนินคดีในเรื่องใดแล้ว โจทก์ทั้งสี่ เพิกเฉยจะเป็นกรณีทิ้งฟ้องเสมอไป การที่จะถือว่าโจทก์ทั้งสี่ทิ้งฟ้องต้องเป็นกรณีที่ไม่ ดําเนินการตามคําสั่งศาลแล้วเป็นเหตุที่ทําให้ศาลไม่อาจดําเนินกระบวนพิจารณา ต่อไปอีกได้ เมื่อพิจารณาถึงการดําเนินกระบวนพิจารณาของโจทก์ทั้งสี่ปรากฏว่าตั้งแต่ วันนัดชี้สองสถานหรือสืบพยาน ทนายโจทก์ทั้งสี่และทนายจําเลยมาศาลและแถลงว่าคดี อยู่ระหว่างการเจรจา โดยทนายจําเลยจะนําเงื่อนไขของโจทก์ทั้งสี่เสนอผู้มีอํานาจเพื่อ พิจารณา ศาลชั้นต้นจึงมีคําสั่งให้กําหนดนัดสืบพยานโจทก์ทั้งสี่วันที่ ๘ และ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๔ และสืบพยานจําเลยวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๔ ก่อนถึงวันนัดได้มีการนัด ไกล่เกลี่ยโดยผู้ประนีประนอมของศาลชั้นต้น อีก ๔ ครั้ง ซึ่งทุกครั้งทนายโจทก์ทั้งสี่ และทนายจําเลยมาศาลทุกนัดและมีผลการเจรจาที่คืบหน้าตามลําดับ ครั้งสุดท้ายวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๔ แต่ตกลงกันยังไม่ได้ จึงต้องส่งสํานวนเข้าสู่กระบวนการสืบพยานโจทก์ ทั้งสี่และจําเลย ครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ทั้งสี่ ทนายโจทก์ทั้งสี่และทนายจําเลย มาศาล แล้วแถลงว่าคดีอยู่ระหว่างเจรจาโดยรอผลการอนุมัติของกรรมการจําเลย และ ขอความเห็นชอบจากบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อมซึ่งคาดว่าน่าจะตกลงกัน ได้ ศาลชั้นต้นให้เลื่อนไปนัดพร้อมเพื่อฟังผลการเจรจาวันที่ ๕ กันยายน ๒๕๕๕ ถึงวันนัดโจทก์ที่ ๒ ผู้รับมอบฉันทะทนายโจทก์ทั้งสี่ และทนายจําเลยมาศาล แล้วแถลง ขอเลื่อนคดี เนื่องจากบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อมยังพิจารณาการขอลด ยอดหนี้ไม่เสร็จ ศาลอนุญาตให้เลื่อนไปนัดพร้อมเพื่อฟังผลการเจรจาวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ เมื่อถึงวันนัดดังกล่าวทนายโจทก์ทั้งสี่ไม่มาศาล จะเห็นได้ว่า ทนายโจทก์ทั้งสี่มาศาลทุกนัดที่มีการไกล่เกลี่ย การที่โจทก์ทั้งสี่ไม่มาศาลย่อมแสดงว่าคดี ไม่สามารถตกลงกันได้ จึงยังมีกระบวนพิจารณาที่ศาลชั้นต้นต้องดาเนินการต่อไป คือการสืบพยานโจทก์ทั้งสี่และสืบพยานจําเลย การที่โจทก์ทั้งสี่ไม่มาศาลในวันนัด พร้อมเพื่อฟังผลการเจรจายังไม่ใช่กรณีที่ถือว่าโจทก์ทั้งสี่ทิ้งฟ้อง การที่ศาลชั้นต้น ถือว่าโจทก์ทั้งสี่ทิ้งฟ้องและมีคําสั่งจําหน่ายคดีนั้น จึงเป็นคําสั่งที่ไม่ชอบ
มีปัญหาคดีความปรึกษาทีมงานทนายกฤษดา
โทร 089-142-7773 ไลน์ไอดี @lawyers.in.th