 |
 |
 |
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2628/2558
การทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อศาลนั้น คู่ความจะตกลงกันเป็นประการใดก็ได้ แม้ตามคำฟ้องของโจทก์จะไม่ได้ระบุว่าหากโจทก์ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดได้เงินไม่พอชำระหนี้ ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสามออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วนก็ตาม คู่ความก็สามารถจะตกลงกันใหม่ได้ว่า หากยึดทรัพย์สินที่จำนองออกขายทอดตลาดได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสามออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วนได้ไม่ถือว่าเป็นการพิพากษาตัดสินคดีเกินคำขอท้ายฟ้อง
สัญญาประนีประนอมยอมความระบุว่าการชำระหนี้ตามข้อ 1 และข้อ 2 จำเลยทั้งสามสัญญาว่าจะร่วมกันชำระหนี้แก่โจทก์ให้เสร็จสิ้นภายใน 6 เดือน นับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความฉบับนี้หากครบกำหนดแล้วจำเลยทั้งสามผิดนัดไม่ชำระหนี้หรือชำระหนี้ไม่ครบถ้วนจำเลยทั้งสามยอมให้โจทก์บังคับคดีในส่วนที่ค้างชำระทั้งหมดได้ทันที โดยยอมให้ยึดทรัพย์สินของจำเลยทั้งสาม ทรัพย์มรดกของ ส. และทรัพย์สินที่จำนองตามฟ้องคือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างตามโฉนดที่ดินจำนวน 81 โฉนด ออกขายทอดตลาดนำเงินสุทธิมาชำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วน แม้ตามสัญญานี้ไม่ได้ระบุว่า หากโจทก์ยึดทรัพย์สินที่จำนองออกขายทอดตลาดได้เงินสุทธิไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วนก็ตาม ดังนี้ ถือว่าโจทก์และจำเลยทั้งสามได้ตกลงกันไว้แล้วว่า หากโจทก์ยึดทรัพย์สินที่จำนองออกขายทอดตลาดได้เงินไม่พอชำระหนี้ โจทก์สามารถยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสามออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วนได้ การที่โจทก์ดำเนินการบังคับคดีต่อที่ดินโฉนดอื่นพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 2 ต่อไปจึงชอบแล้ว
📌ตามฎีกานี้โจทก์และจำเลยมีการทำสัญญาจำนองโดยยกเว้น ป.พ.พ.มาตรา 733 เอาไว้
โดยหลักแล้ว ถ้าคู่สัญญามิได้ตกลงยกเว้นป.พ.พ. มาตรา 733 ไว้เป็นอย่างอื่น (ฎ.8260/2550, 7391/2547) หากผู้รับจำนองบังคับจำนองได้เงินยังไม่พอ ลูกหนี้ย่อมไม่มีหน้าที่ต้องชำระเงินในส่วนที่ขาด ไม่ว่าจะเป็นกรณีลูกหนี้ชั้นต้นจำนองเพื่อประกันหนี้ของตนเอง หรือบุคคลที่สามมาจำนองเพื่อประกันหนี้ของลูกหนี้ชั้นต้น
ติดต่อทนายความ
ทนายอธิป 061-939-9935
ทนายเบส 091-939-4249
ทนายหนึ่ง 084-444-8952
ทนายพีท 089-595-5014
ทนายตี๋ใหญ่ 088-021-7716
|
|
|
|
