แม้ตนเองมีสิทธิใช้ถนนสาธารณะเป็นที่จอดรถ แต่ถนนสาธารณะเป็นของส่วนร่วมใช้ร่วมกันไม่ใช้ของใครคนใดคนหนึ่งจะมาถือสิทธิดีกว่า และการใช้สิทธิของตนในทรัพย์สินซึ่งเป็นถนนสาธารณะนั้นต้องใช้สิทธิของตนไม่ไปกระทบหรือเกินส่วนในสิทธิอันที่บุคคลอื่นจะสามารถใช้ถนนสาธารณะนั้นด้วย
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
และมาตรา 421การใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นนั้น ท่านว่าเป็นการอันมิชอบด้วยกฎหมาย
อ้างอิงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8293/2559
ในศาลชั้นต้น โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่และบริวารใช้แดนกรรมสิทธิ์ฝั่งถนนของตนไม่เกินสิทธิของโจทก์ตามกฎหมาย หากจำเลยทั้งสี่ไม่ปฏิบัติตามขอให้ร่วมกันชดใช้เงินเป็นค่าปรับวันละ 10,000 บาท แก่โจทก์นับจากวันพิพากษาจนกว่าจำเลยทั้งสี่จะปฏิบัติตามกฎหมาย ให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชดใช้ค่าเสียโอกาสทางธุรกิจ ประเมินความเสียหายจากการไม่ได้ใช้สถานที่เป็นเงิน 10,209.28 บาท ต่อวัน นับจากวันที่เกิดข้อพิพาทในการใช้ทางร่วมจนถึงวันฟ้อง 801 วัน เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 8,177,633.28 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี แก่โจทก์นับจากวันที่ศาลมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่ง จำเลยทั้งสี่ให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ศาลชั้นอุทธรณ์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความในชั้นอุทธรณ์ 20,000 บาท แทนจำเลยทั้งสี่
ศาลชั้นฎีกาโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การใช้ถนนสาธารณะเป็นที่จอดรถ หากไม่มีข้อห้ามตามกฎหมายเป็นอย่างอื่น เจ้าของที่ดินที่มีอาคารติดกับถนนสาธารณะ ก็อาจใช้ทางสาธารณะเป็นที่จอดรถของตนได้ แต่จะต้องคำนึงถึงประโยชน์สาธารณะเป็นหลักก่อน โดยต้องเว้นทางสำหรับรถยนต์ให้เข้าออกได้เป็นลำดับแรก แล้วเจ้าของอาคารทั้งสองฝั่งถนนรวมถึงบุคคลทั่วไปจึงจะมีสิทธิใช้ทางส่วนที่เหลือเป็นที่จอดรถบนหลักของความเสมอภาค โดยไม่จำต้องคำนึงว่าใครจะเป็นผู้มาใช้สิทธิจอดรถก่อนหลังกัน ประกอบกับกฎกระทรวงที่กำหนดให้ร่นแนวอาคารห่างจากเขตถนนสาธารณะ มีวัตถุประสงค์เพื่อความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวกแก่การจราจรด้วย
อาคารบิดาจำเลยทั้งสี่ตั้งอยู่และอยู่ในซอยเดียวกับโจทก์ อาคารพาณิชย์ของโจทก์และจำเลยทั้งสี่ มีลักษณะหันหน้าเข้าหากันเป็นห้องหัวมุมอยู่ปากซอย ซึ่งชุมชนในซอยพิพาทใช้ถนนหน้าอาคารโจทก์และจำเลยทั้งสี่เป็นทางเข้าออกสู่ถนนสาธารณะด้วย ลักษณะถนนซอยพิพาทเป็นทางสาธารณะ กว้างประมาณ 4 เมตร เป็นเหตุให้อาคารของโจทก์และจำเลยทั้งสี่ต้องเว้นระยะร่นแนวอาคารของตนจากกึ่งกลางถนนสาธารณะอย่างน้อย 3 เมตร ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 5 (พ.ศ.2543) ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 โดยอาคารโจทก์และจำเลยทั้งสี่มีแนวระยะร่นอาคารจากทางสาธารณะเข้าไป 1 เมตร
การที่จำเลยทั้งสี่ใช้พื้นที่ถนนสาธารณะซึ่งมีความกว้างเพียง 4 เมตร จอดรถของตนทั้งคันในลักษณะหวงกันการใช้ประโยชน์ของผู้อื่น ทั้ง ๆ ที่ควรจะใช้แนวร่นอาคาร 1 เมตร ที่อยู่ติดกับถนนสาธารณะดังกล่าวของตนประกอบการจอดรถด้วย แต่กลับใช้เป็นที่วางกระถางต้นไม้ ซึ่งมิใช่เหตุจำเป็นที่จะใช้แนวร่นอาคารเพื่อการนั้น
ย่อมเป็นการกระทำที่เกินสิทธิของตนและคำนึงถึงประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว โดยไม่คำนึงถึงสิทธิในการใช้ทางสาธารณประโยชน์ของผู้อื่นที่มีอยู่ร่วมกัน เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเดือดร้อนเกินควร ไม่สามารถใช้พื้นที่ถนนส่วนที่เหลือในการจอดรถของตนได้
จึงรับฟังได้ว่าการกระทำของจำเลยทั้งสี่ เป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นอันมิชอบด้วยกฎหมาย เป็นการกระทำละเมิด ตาม ป.พ.พ. มาตรา 420 และมาตรา 421 และถือว่าโจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษแล้ว โจทก์จึงมีสิทธิขอบังคับให้จำเลยทั้งสี่จอดรถในแนวร่นอาคารอันเป็นแดนกรรมสิทธิ์ของจำเลยทั้งสี่ได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสี่ใช้พื้นที่ระยะร่นอาคาร เป็นส่วนหนึ่งของที่จอดรถ โดยต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 57 หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และฎีกาให้เป็นพับ
ทนายสมชาย 089-981-1406
ทนายอธิป 061-939-9935
ทนายเบส 091-939-4249
ทนายหนึ่ง 084-444-8952
ทนายพีท 089-595-5014
ทนายตี๋ใหญ่ 088-021-7716
ทนายดิน 084-162-9095
ทนายน้ำฝน 097-2075666
ทนายไผ่ 095-7819477
ทนายแพรว 094-975-1151