Home คดีครอบครัว คำถามที่ทนายความถามพยานในระหว่างพิจารณาคดี ผิดหมิ่นประมาทได้หรือไม่

คำถามที่ทนายความถามพยานในระหว่างพิจารณาคดี ผิดหมิ่นประมาทได้หรือไม่

5720

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6018/2541

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เคยฟ้องนายจำรัส ธรรมเที่ยงธรรมขอแบ่งมรดกที่ศาลชั้นต้นเป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 411/2538หมายเลขแดงที่ 1084/2538 มีจำเลยเป็นทนายความให้นายจำรัส โดยเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2538 โจทก์ได้เข้าเบิกความเป็นพยานในคดีดังกล่าว เมื่อโจทก์เบิกความตอบทนายโจทก์เสร็จ จำเลยได้ทำหน้าที่ซักค้านตัวโจทก์โดยจำเลยพูดใส่ความโจทก์ต่อหน้าผู้พิพากษา ทนายโจทก์และบุคคลหลายคนที่อยู่ในห้องพิจารณาคดีว่า โจทก์เป็นโจรรุ่นเดียวกับเสือขาวใช่ไหมซึ่งไม่เกี่ยวกับประเด็นในคดีและไม่มีมูลความจริง ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียงถูกดูหมิ่น เกลียดชัง โจทก์ได้ให้ทนายความมีหนังสือทวงถามให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 200,000 บาท แล้วแต่จำเลยเพิกเฉย โจทก์ขอคิดค่าเสียหายเพียง 100,000 บาทขอให้บังคับจำเลยใช้เงินจำนวน 100,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ไม่บรรยายฟ้องให้ชัดเจนว่าจำเลยกระทำละเมิดโจทก์ในสำนวนคดีหมายเลขใดทั้งไม่แนบคำเบิกความของโจทก์เข้ามาด้วยเป็นเหตุให้จำเลยไม่สามารถต่อสู้คดีได้ถูกต้อง คดีแพ่งหมายเลขดำที่ 411/2538ไม่มีการนำพยานเข้าเบิกความแต่อย่างใด จำเลยในฐานะทนายความซักค้านโจทก์ในฐานะพยานในกระบวนพิจารณาคดีของศาลเพื่อประโยชน์แก่คดีและมีมูลความจริงไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์แต่ประการใด ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์เป็นเงิน 10,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้อง (26 กันยายน 2539) เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระให้โจทก์เสร็จ

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยฎีกาข้อเดียวว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นการหมิ่นประมาทจึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ ข้อเท็จจริงยุติตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยว่า จำเลยทำหน้าที่เป็นทนายความให้นายจำรัสซึ่งถูกโจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดกและขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ในการไต่สวนคำร้องจำเลยได้ซักค้านตัวโจทก์มีข้อความว่า “โจทก์เป็นโจรรุ่นเดียวกับเสือขาวใช่ไหม” เห็นว่า การที่จำเลยซักค้านโจทก์ดังกล่าวเป็นการถามพยานในเวลาพิจารณาคดีเพื่อการวินิจฉัยชั่งน้ำหนักคำพยานไม่ใช่ข้อความที่ยืนยันว่าโจทก์เป็นโจรจึงไม่ใช่เป็นการใส่ความ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ ไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ฎีกาจำเลยฟังขึ้น”

พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

สรุป จำเลยเป็นทนายความให้ จ. ซึ่งถูกโจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดกและขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ในการไต่สวนคำร้อง จำเลยได้ซักค้านโจทก์ว่า “โจทก์เป็นโจรรุ่นเดียวกับ เสือขาวใช่ไหม” ดังนี้ การที่จำเลยซักค้านโจทก์ดังกล่าว เป็นการถามพยานในเวลาพิจารณาคดีเพื่อการวินิจฉัย ชั่งน้ำหนักคำพยาน ไม่ใช่ข้อความที่ยืนยันว่าโจทก์ เป็นโจร จึงไม่เป็นการใส่ความ การกระทำของจำเลยไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์

มีปัญหาคดีความปรึกษาทีมงานทนายกฤษดา

โทร 089-142-7773 ไลน์ไอดี @lawyers.in.th

 

Facebook Comments