ลูกด่าบุพการีว่า “อีกแก่” ฟ้องเรียกคืนการให้ฐานเนรคุณได้หรือไม่
สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน วันนี้ทีมงานปรัชญาเศรษฐ์ทนายความ จะมาแนะนำเกี่ยวกับ“ อย่างไรเรียกเนรคุณ เรียกเอาสมบัติคืนได้ หากโอนให้แก่ผู้อื่นจะเรียกคืนได้หรือไม่ อย่างไร และมีอายุความเท่าใด”
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531(2) วางหลักประการหนึ่ง ไว้ว่า “อันผู้ให้จะเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุผู้รับประพฤติเนรคุณ ถ้าผู้รับได้ทำให้ผู้ให้เสียชื่อเสียง หรือหมิ่นประมาทผู้ให้อย่างร้ายแรง
มาตรา 534 วางหลักไว้ว่า “ เมื่อถอนคืนการให้ ท่านให้ส่งคืนทรัพย์สินตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยลาภมิควรได้ ถอนคืนการให้,ประพฤติเนรคุณ ให้โดยหน้าที่ธรรมจรรยา ขาดอายุความถอนคืนการให้เพราะเหตุประพฤติเนรคุณ “
มาตรา 413 วางหลักไว้ว่า “ เมื่อทรัพย์สินอันจะต้องคืนนั้นเป็นอย่างอื่นนอกจากจำนวนเงิน และบุคคลได้รับไว้โดยสุจริต ท่านว่าบุคคลเช่นนั้นจำต้องคืนทรัพย์สินเพียงตามสภาพที่เป็นอยู่ และมิต้องรับผิดชอบในการที่ทรัพย์นั้นสูญหายหรือบุบสลาย แต่ถ้าได้อะไรมาเป็นค่าสินไหมทดแทนเพื่อการสูญหายหรือบุบสลายเช่นนั้น ก็ต้องให้ไปด้วย “
มาตรา 533 วรรคหนึ่ง วางหลักไว้ว่า “ เมื่อผู้ให้ได้ให้อภัยแก่ผู้รับในเหตุประพฤติเนรคุณนั้นแล้วก็ดีหรือเมื่อเวลาได้ล่วงไปแล้วหกเดือนนับแต่เหตุเช่นนั้นได้ทราบถึงบุคคลผู้ชอบที่จะเรียกถอนคืนการให้ได้นั้นก็ดี ท่านว่าหาอาจจะ ถอนคืนการให้ได้ไม่ อนึ่ง ท่านห้ามมิให้ฟ้องคดีเมื่อพ้นเวลาสิบปีภายหลังเหตุการณ์เช่นว่านั้น”
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1078/2553
ถ้อยคำที่จำเลยด่าโจทก์ว่า “อีแก่ไม่ยุติธรรม มึงทำให้ครอบครัวกูแตกแยก กูจะไม่อยู่กับมึงแล้ว” เป็นการแสดงเจตนาดูหมิ่นโจทก์ซึ่งเป็นอา จำเลยเรียกโจทก์ว่า อีแก่ ขึ้นมึงขึ้นกูกับโจทก์ ย่อมทำให้โจทก์อับอายเสียชื่อเสียงและเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงตาม ป.พ.พ. มาตรา 531 (2) โจทก์ย่อมเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุจำเลยประพฤติเนรคุณได้
ก่อนฟ้องคดีจำเลยจดทะเบียนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 27546 พร้อมสิ่งปลูกสร้างไว้แก่ผู้อื่น เมื่อถอนคืนการให้จำเลยต้องส่งคืนทรัพย์สินแก่โจทก์ตามบทบัญญัติว่าด้วยลาภมิควรได้ โดยคืนที่ดินดังกล่าวแก่โจทก์ตามสภาพที่เป็นอยู่ตาม ป.พ.พ. มาตรา 413 วรรคหนึ่งและมาตรา 534
จำเลยกล่าวถ้อยคำหมิ่นประมาทโจทก์เมื่อประมาณเดือนเมษายน 2546 โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2546 ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 533 วรรคหนึ่ง