โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรับเหมาก่อสร้างบ้านพักให้นายช่องแล้วเบิกเงินจากนายช่องไป โดยหลอกลวงว่าจะนำไปซื้อวัสดุก่อสร้างจำเลยรับเงินไปแล้วไม่นำเงินไปซื้อวัสดุก่อสร้างขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 352 และให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน 20,000 บาทให้นายช่องเจ้าทรัพย์
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยไม่มีความผิดฐานฉ้อโกง แต่ผิดฐานยักยอกเงิน 20,000 บาทพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 ให้จำคุก 1 ปี ลดรับสารภาพชั้นสอบสวน 1 ใน 3 คงจำคุก 8 เดือนให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน 20,000 บาท แก่เจ้าทรัพย์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยขอเบิกเงินจากนายช่องโดยบอกว่าจะเอาไปซื้อประตูหน้าต่างและจ่ายค่าแรงงานลูกจ้าง นายช่องก็ทดรองจ่ายเงินให้จำเลยรับไป การกระทำของนายช่องมิใช่เป็นการมอบหมายเงินให้จำเลยไปซื้อวัสดุก่อสร้างตามคำสั่งของนายช่องเพราะวัสดุก่อสร้างเป็นของที่จำเลยจะต้องจัดหามาอยู่แล้ว ฉะนั้น การที่จำเลยรับเงินไปแล้วไม่ซื้อวัสดุก่อสร้างตามสัญญารับเหมา จึงไม่เป็นความผิดทางอาญาฐานยักยอกตามฟ้อง
พิพากษายืน
สรุป
จำเลยรับเหมาก่อสร้างบ้านพักให้ ช. และขอเบิกเงินจำนวนหนึ่งจาก ช. เพื่อนำไปซื้อวัสดุก่อสร้าง ช. ก็ทดรองจ่ายเงินจำนวนนั้นให้จำเลยแต่จำเลยไม่นำเงินไปซื้อวัสดุก่อสร้างเช่นนี้ จำเลยไม่มีความผิดฐานยักยอกเพราะจำเลยมีหน้าที่จัดหาวัสดุก่อสร้างอยู่แล้ว มิใช่รับเงินไปซื้อวัสดุก่อสร้างตามคำสั่งของ ช.
มีปัญหาคดีความปรึกษาทีมงานทนายวิศวะ
โทร 086-807-5928
อ่านบทความเพิ่มเติม https://www.englawyers.com/