Home คดีอาญา จุดใดที่ศาลใช้วินิจฉัยความประมาทในคดีละเมิดระหว่างคนเดินทางเท้ากับผู้ขับขี่

จุดใดที่ศาลใช้วินิจฉัยความประมาทในคดีละเมิดระหว่างคนเดินทางเท้ากับผู้ขับขี่

1146

จุดใดที่ศาลใช้วินิจฉัยความประมาทในคดีละเมิดระหว่างคนเดินทางเท้ากับผู้ขับขี่

คำฟ้องโจทก์บรรยายว่า วันเกิดเหตุ จำเลยที่ ๑ ขับรถไปตามถนนแจ้งวัฒนะจากสี่ แยกหลักสี่มุ่งหน้าไปห้าแยกปากเกร็ด เมื่อถึงที่เกิดเหตุ จำเลยที่ ๑ ขับรถคันเกิดเหตุออก จากช่องทางเดินรถไปบนไหล่ทางด้านซ้ายซึ่งเป็นทางสำหรับคนเดินเท้า และเสียหลักตกไป ในคูน้ำข้างถนนโดยทับร่างของผู้ตายทั้งสองขณะเดินอยู่บนไหล่ทางด้านซ้ายดังกล่าวตกไป ในคูน้ำข้างถนนด้วย เป็นคำฟ้องที่ได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่ อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแล้วแม้โจทก์ทั้งสองสำนวนมิได้บรรยายว่าผู้ตายทั้งสองเดินอย่างไร เดินจากไหนไปไหน เดินหันหน้าหันหลังให้รถขณะที่ถูกเฉียวชน ก็เป็นรายละเอียดที่โจทก์ ทั้งสอง สำนวนจะนำสืบในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม การที่จำเลยที่ รถไปด้วยความเร็วสูงจนไม่สามารถห้ามล้อได้ทันเป็นเหตุให้รถคันที่จำเลยที่ ๑ ขับชนผู้ตาย ทั้งสอง เหตุรถชนจึงเกิดจากความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ ๑ ถนนที่เกิดเหตุมีเกาะ กลางถนนและถนนด้านซ้ายมีไหล่ทาง มีรถยนต์ปิกอัพจอดบนไหล่ ทางไหล่ทางดังกล่าวมี ขนาดความกว้างซึ่งรถยนต์สามารถจอดได้อย่างปลอดภัย เมื่อถนนที่เกิดเหตุมีไหล่ทางและ จุดที่ผู้ตายทั้งสองเดินขณะถูกชนก็ไม่มีรถยนต์จอด ขณะเกิดเหตุผู้ตายทั้งสองกำลังเดินอยู่ บนไหล่ทางด้านซ้ายด้วยกัน มิได้ปฏิบัติฝ่าฝืน พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.๒๕๒๒ ม.๑๐๓ ที่ บัญญัติเกี่ยวกับคนเดินเท้าว่า ทางใดที่มีทางเท้าหรือไหล่ทางอยู่ข้างทางเดินรถให้คนเดิน

เท้าเดินบนทางเท้าหรือไหล่ทาง ถ้าทางนั้นไม่มีทางเท้าอยู่ข้างทางเดินรถให้เดินริมทางด้าน ขวาของตน ดังนั้น เหตุที่จำเลยที่ ๑ ขับรถชนผู้ตายทั้งสองจึงเกิดจากความประมาท เลินเล่อของจำเลยที่ แต่เพียงฝ่ายเดียว ผู้ตายทั้งสองไม่มีส่วนประมาทเลินเล่อด้วย บันทึกข้อความตามหนังสือของผู้บัญชาการตำรวจนครบาลถึงพนักงานสอบสวนแนะนำถึง

วิธีปฏิบัติในการไกล่เกลี่ยชั้นสอบสวนให้คู่กรณีในคดีอาญาซึ่งผู้เสียหายมีสิทธิเรียกค่าสิน ไหมทดแทนได้เจรจาประนีประนอมยอมความเกี่ยวกับค่าเสียหายกัน โดยให้พิจารณาจาก กันย่อมสิ้นผลไปด้วยและไม่ตัดสิทธิโจทก์ในการฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนมากกว่า จำนวนดังกล่าว ดังนั้น โจทก์มีสิทธิที่จะเรียกค่าสินไหมทดแทนตามจำนวนซึ่งเห็นว่าควรจะ ได้ตามกฎหมาย แม้ค่าสินไหมทดแทนที่ฟ้องจะมากกว่าจำนวนที่เจรจากันก็ไม่เป็นการใช้ สิทธิที่ขัดต่อศีลธรรม ป.วิ.พ.ม.๑๖๑ บัญญัติให้ศาลใช้ดุลพินิจตามที่เห็นสมควรโดยคำนึง ถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความหรือการดำเนินคดีของคู่ความ เมื่อศาล พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดี เหตุที่โจทก์จำต้องใช้สิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทนประกอบกับ การดำเนินคดีของจำเลยแล้วใช้ดุลพินิจกำหนดให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในศาล ชั้นต้นแทนโจทก์เต็มตามทุนทรัพย์ที่ฟ้องได้ (ฎ.๔๐๖๖/๔๐)

ความเสียหายที่เกิดขึ้น ประกอบกับฐานะการเงินและความสามารถของผู้ต้องหาหรือผู้มี ส่วนรับผิดชอบในคดีนั้น ๆ เป็นราย ๆ ไปด้วยนั้น เป็นเพียงแนวทางให้พนักงานสอบสวน ปฏิบัติเพื่อช่วยผู้เสียหายไม่ต้องนำคดีไปฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนต่อศาลเท่านั้น บันทึก ข้อความดังกล่าวมีใช่หลักปฏิบัติที่ศาลต้องปฏิบัติตาม การที่ศาลอุทธรณ์กำหนดค่าเสียหาย โดยพิจารณาถึงพฤติการณ์แห่งคดีและความร้ายแรงแห่งละเมิดจึงชอบแล้ว ไม่จำต้อง พิจารณาถึงฐานะการเงินและความสามารถชำระของฝ่ายที่ละเมิดด้วย แม้ชั้นสอบสวน ผู้รับ มอบอำนาจจากโจทก์ได้เจรจากับจำเลยเกี่ยวกับค่าสินไหมทดแทนตามที่พนักงาน สอบสวนช่วยไกล่เกลี่ยและผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ยอมลดค่าสินไหมทดแทนที่เรียกร้อง ลงเหลือ ๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท แต่จำเลยเสนอให้เงินช่วยเหลือเพียง ๗๐,๐๐๐ บาท เมื่อการ เจรจาเกี่ยวกับค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวตกลงกันไม่ได้ จำนวนค่าสินไหมทดแทนที่เจรจา

ดังนั้นจุดที่ศาลใช้วินิจฉัยสรุปคร่าวๆได้ดังนี้

ฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่

คนเดินทางเท้าเดินในลักษณะที่ถูกต้องหริอไม่

ฝ่ายใดเป็นฝ่ายประมาท

ค่าสินไหมทดแทนมีเพียงใด

สำนักงานทนายฟ้องประกัน
มีปัญหาคดีความโทรปรึกษา โทร 061-939-9935
Facebook Comments