การแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบศาลฎีกาวางหลักไว้อย่างไร
โจทก์ ฟ้อง ว่า จำเลย ทั้ง สอง กับพวก อีก 1 คน กระทำ การ ปล้น ทรัพย์เอา น้ำมัน เบนซิน 5 ลิตร ของ นาย จัง แซ่ตัน ผู้เสียหาย ไป โดย ทุจริตโดย จำเลย ที่ 2 มี และ ใช้ ลูกระเบิด ขู่เข็ญ ว่า ใน ทันใด นั้น จะขว้าง ทำ ให้ เกิด ระเบิด เป็น อันตราย แก่ ชีวิต และ ร่างกาย ของผู้เสียหาย เพื่อ ความ สะดวก ใน การ ปล้น ทรัพย์ ขอ ให้ ลงโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334, 335, 339, 340, 340 ตรี ริบ รถจักรยานยนต์ของกลาง และ ให้ จำเลย ร่วมกัน คืน หรือ ใช้ ราคา น้ำมัน แก่ ผู้เสียหาย
จำเลย ทั้ง สอง ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น พิพากษา ยกฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษา กลับ ว่า จำเลย ทั้ง สอง มี ความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 336 ทวิ จำคุก คนละ 9 เดือน ลดโทษ 1 ใน 3ตาม มาตรา 78 คง จำคุก คนละ 6 เดือน คืน รถจักรยานยนต์ ของกลาง แก่เจ้าของ ให้ จำเลย ทั้ง สอง ร่วมกัน คืน หรือ ใช้ ราคา น้ำมัน แก่ผู้เสียหาย
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า ข้อเท็จจริง จึง ฟัง ได้ ตาม คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ว่า ตาม วัน เวลา เกิดเหตุ ที่ โจทก์ ฟ้อง จำเลย ทั้ง สองขี่ รถจักรยานยนต์ ซ้อน กัน เข้า ไป เติม น้ำมัน ที่ บ้าน ผู้เสียหายจำนวน 5 ลิตร คิด เป็น เงิน 57 บาท 50 สตางค์ เมื่อ เติม น้ำมัน เสร็จแล้ว ภริยา ผู้เสียหาย ขอ เงิน ค่า น้ำมัน จำเลย ที่ 2 กลับ ตอบ ว่า’ไม่ มี เงิน มี แต่ ไอ้นี้ เอาไหม’ ขณะ พูด จำเลย ที่ 2 ถือ ลูก กลมๆอยู่ ใน มือ จากนั้น จำเลย ทั้ง สอง ก็ ขี่ รถจักรยานยนต์ ออก ไป
ปัญหา วินิจฉัย มี ว่า การ กระทำ ของ จำเลย ทั้ง สอง จะ เป็น ความผิดฐาน ใด จาก ข้อเท็จจริง ดังกล่าว ข้างต้น เห็น ได้ ชัด ว่า จำเลย ทั้งสอง มี เจตนา ทุจริต หลอกลวง ผู้เสียหาย เพียง เพื่อ จะ เติม น้ำมันรถจักรยานยนต์ โดย ไม่ ชำระ ราคา เท่านั้น การ ที่ จำเลย ที่ 2 ถือลูก กลมๆ ซึ่ง ฟังไม่ ได้ ว่า เป็น ลูกระเบิด หรือไม่ และ จำเลย ที่2 บอก กับ ภริยา ผู้เสียหาย เมื่อ ถูก ทวง ให้ ชำระ ราคา น้ำมัน ว่า’เงิน ไม่ มี มี แต่ ไอ้นี่ เอาไหม’ ก็ เป็น วิธีการ ที่ จะ ใช้ แสวงหาประโยชน์ ที่ มิควร ได้ โดย ชอบ ด้วย กฎหมาย เท่านั้น ศาลฎีกา เห็น ว่าการ กระทำ ของ จำเลย เป็น ความผิด ฐาน ฉ้อโกง (ตาม นัย คำพิพากษา ฎีกาที่ 1554/2511) หา ใช้ เป็น ความผิด ฐาน ลักทรัพย์ หรือ ปล้น ทรัพย์ไม่ เมื่อ วินิจฉัย ดังนี้ แล้ว ข้อ ที่ โจทก์ ฎีกา ว่า ยัง มี พวก รออยู่ ที่ ถนน อีก คนหนึ่ง และ รถจักรยานยนต์ ของกลาง จะ เป็น รถ คัน ที่จำเลย นำ มา เติม น้ำมัน หรือไม่ จึงไม่ ต้อง วินิจฉัย สำหรับ โทษ นั้นศาลอุทธรณ์ พิพากษา มา เหมาะสม แก่ รูปคดีแล้ว
พิพากษา แก้ เป็น ว่า จำเลย ทั้ง สอง มี ความผิด ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 นอกจาก ที่ แก้ ให้ เป็น ไป ตาม คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์.
สรุป
จำเลยทั้งสองขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนกันเข้าไปเติมน้ำมันเบนซินที่บ้านผู้เสียหายจำนวน5ลิตรเมื่อเติมน้ำมันเสร็จภริยาผู้เสียหายทวงเงินค่าน้ำมันจำเลยที่2ถือลูกกลมๆอยู่ในมือซึ่งฟังไม่ได้ว่าเป็นลูกระเบิดพูดว่าไม่มีเงินมีไอ้นี่เอาไหมภริยาผู้เสียหายเข้าใจว่าเป็นลูกระเบิดจำเลยทั้งสองขี่รถจักรยานยนต์ออกไปการกระทำของจำเลยทั้งสองมีเจตนาหลอกลวงผู้เสียหายเพียงเพื่อจะเติมน้ำมันรถจักรยานยนต์โดยไม่ชำระราคาเท่านั้นการที่จำเลยที่2ถือลูกกลมๆอยู่ในมือและพูดเช่นนั้นเป็นวิธีการที่จะใช้แสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายเท่านั้นจึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกงหาใช่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์หรือปล้นทรัพย์ไม่