หลอกลวงและไม่ชำระราคาค่าเติมน้ำมัน เป็นความผิดฐานฉ้อโกงได้หรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2581/2529
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองกับพวกอีก 1 คน กระทำการปล้นทรัพย์เอาน้ำมันเบนซิน 5 ลิตร ของนายมะพร้าว ผู้เสียหายไปโดยทุจริตโดยจำเลยที่ 2 มีและใช้ลูกระเบิดขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะขว้างทำให้เกิดระเบิดเป็นอันตรายแก่ชีวิตและร่างกายของผู้เสียหายเพื่อความสะดวกในการปล้นทรัพย์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 334, 335, 339, 340, 340 ตรี ริบรถจักรยานยนต์ของกลางและให้จำเลยร่วมกันคืนหรือใช้ราคาน้ำมันแก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 336 ทวิ จำคุกคนละ 9 เดือนลดโทษ 1 ใน 3 ตามมาตรา 78 คงจำคุกคนละ 6 เดือน คืนรถจักรยานยนต์ของกลางแก่เจ้าของ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนหรือใช้ราคาราน้ำมันแก่ผู้เสียหายด้วย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ตามพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุที่โจทก์ฟ้อง จำเลยทั้งสองขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนกันเข้าไปเติมน้ำมันที่บ้านผู้เสียหายจำนวน 5 ลิตร คิดเป็นเงิน57 บาท 50 สตางค์ เมื่อเติมน้ำมันเสร็จแล้ว ภริยาผู้เสียหายขอเงินค่าน้ำมัน จำเลยที่ 2 กลับตอบว่า “ไม่มีเงิน มีแต่ไอ้นี่เอาไหม” ขณะพูดจำเลยที่ 2 ถือลูกกลม ๆ อยู่ในมือ จากนั้นจำเลยทั้งสองก็ขี่รถจักรยานยนต์ออกไป…ข้อเท็จจริงไม่อาจจะรับฟังได้แน่นอนว่า ลูกกลม ๆ ที่อยู่ในมือจำเลยที่ 2 เป็นลูกระเบิดหรือไม่
ปัญหาวินิจฉัยมีว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองจะเป็นความผิดฐานใด จากข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้นเห้นได้ชัดว่า จำเลยทั้งสองมีเจตนาทุจริตหลอกลวงผู้เสียหายเพียงเพื่อจะเติมน้ำมันรถจักรยานยนต์โดยไม่ชำระราคาเท่านั้น การที่จำเลยที่ 2 ถือลูกกลม ๆซึ่งฟังไม่ได้ว่าเป็นลูกระเบิดหรือไม่ และจำเลยที่ 2 บอกกับภริยาผู้เสียหายเมื่อถูกทวงให้ชำระราคาน้ำมันว่า “เงินไม่มี มีแต่ไอ้นี่เอาไหม” ก็เป็นวิธีการที่จะใช้แสวงหาประโยชน์ที่มีควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น ศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฉ้อโกง (ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 1554/2511) หาใช่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์หรือปล้นทรัพย์ไม่ เมื่อวินิจฉัยดังนี้แล้วข้อที่โจทก์ฎีกาว่ายังมีพวกรออยู่ที่ถนนอีกคนหนึ่ง และรถจักรยานยนต์ของกลางจะเป็นรถคันที่จำเลยนำมาเติมน้ำมันหรือไม่จึงไม่ต้องวินิจฉัย สำหรับโทษนั้นศาลอุทธรณ์พิพากษามาเหมาะสมแก่รูปคดีแล้ว
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 นอกจากที่แก้ไให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์”.