Home ทั้งหมด สามีร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ ฟ้องหย่าได้หรือไม่

สามีร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ ฟ้องหย่าได้หรือไม่

3591

สามีร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ ฟ้องหย่าได้หรือไม่

สามีร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ การที่สามีร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ หมายถึง สามีสมัครใจร่วมเพศกับ หญิงอื่นโดยวิธีธรรมชาติ คือชายที่เป็นสามีเอาของลับของตนสอดเข้าไปในช่องคลอดของ หญิงโสด หรือหญิงหม้ายและกระทำจนติดเป็นนิสัยหรือกระทำอยู่เสมอ ๆ มิใช่ชั่วครั้ง ชั่วคราว ฉะนั้น การที่สามีแอบไปเที่ยวกลางคืนและไปร่วมประเวณีกับหญิงที่พบในครั้งเป็น สถานเริงรมย์สองสามเดือนต่อครั้งภริยาจึงยังไม่มีสิทธิฟ้องหย่า หรือสามีร่วมเพศกับหญิง อื่นหรือชายอื่นทางทวารหนักเป็นประจำแทบทุกวันก็มิใช่เป็นการร่วมประเวณี ภริยาจึงยัง ไม่มีสิทธิฟ้องหย่าเช่นเดียวกัน แต่ถ้าสามีแอบไปเที่ยวหญิงบริการสัปดาห์ละ ๒ ประจำ เช่นนี้ แม้หญิงบริการนั้นยินยอมให้ร่วมเพศเพื่อสินจ้างก็ตามก็ถือว่าสามีร่วม ประเวณีกับหญิงอื่นเป็นอาจิณแล้ว ภริยาจึงมีสิทธิฟ้องหย่าได้

 ภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันสามี มีชู้ หรือร่วมประเวณี กับผู้อื่นเป็นอาจิณ สามีฟ้องหย่าได้

ภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันสามี

กรณีภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันสามีนั้น คำว่า “ผู้อื่น” หมายถึง “ชายอื่น” คือภริยาต้องอุปการะเลี้ยงดูชายอื่นฉันสามี หรือภริยายกย่องชายอื่นฉันสามี สามีจึงจะมีสิทธิฟ้องหย่าได้ การอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องต้องกระทำโดยเปิดเผยให้ บุคคลทั่วไปทราบว่าชายอื่นนั้นเป็นสามีของตน มิใช่อุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องในฐานะอื่น เช่น ฐานะครูบาอาจารย์ บุตรบุญธรรม หรือฐานะโยมอุปฐากแก่พระ ตัวอย่างเช่น ภริยา ไปอยู่กินฉันสามีภริยากับชายอื่นโดยเปิดเผย หรือจดทะเบียนสมรสกับชายอื่นซ้อนกันอีก เช่นนี้ สามีย่อมมีสิทธิฟ้องหย่าได้ แต่การที่ภริยาอุปการะเลี้ยงดูหญิงที่ผ่าตัดแปลงเพศ เป็นชายฉันสามี สามียังไม่มีสิทธิฟ้องหย่าเพราะหญิงที่ผ่าตัดแปลงเพศแล้วนี้ตาม กฎหมายยังถือว่าเป็นหญิงมิใช่ชาย

 ภริยามีชู้

การมีชู้ (adultery) หมายถึง การที่หญิงมีสามีสมัครใจร่วมประเวณีกับชายอื่น โดยอวัยวะเพศชายได้ล่วงล้ำเข้าไปในอวัยวะเพศหญิงมีสามีนั้น ทั้งนี้โดยไม่คำนึงถึงว่าจะ ได้มีการสำเร็จความใคร่ด้วยหรือไม่ การที่หญิงมีสามีสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองโดยใช้ อวัยวะเพศชายเทียมไม่เป็นการมีชู้ การที่หญิงมีสามีใช้น้ำเชื้อชายอื่นผสมเทียมโดยสามี มิได้ให้ความยินยอมจนหญิงตั้งครรภ์ก็ไม่เป็นการมีชู้ และการที่ชายอื่นและหญิงมีสามี ต่างฝ่ายต่างสำเร็จความใคร่ให้แก่กัน (mutual masturbation) ก็ไม่ถือว่าเป็นการมีชู้ เช่นเดียวกัน แต่เป็นเพียงการประพฤติชั่วที่จะเป็นเหตุหย่าอีกเหตุหนึ่ง ในปัจจุบันนี้แนวทางการวินิจฉัยของศาลฎีกาเกี่ยวกับภาระการพิสูจน์ในคดีชายชู้นี้ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยไม่ถือว่าจะต้องพิสูจน์โดยปราศจากข้อสงสัยอีกต่อไป

Facebook Comments