สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามีฟ้องหย่าได้หรือไม่
สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้ หรือมีชู้ หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้ การกระทำของสามีในการอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือร่วม ประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณจึงหมายความเฉพาะกระทำกับ “หญิงอื่น” และการกระทำ ของภริยาในการอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันสามีก็หมายความเฉพาะกระทำกับ “ชายอื่น” เช่นเดียวกัน
สามีอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยา เป็นชู้ หรือร่วม ประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ ภริยาฟ้องหย่าได้ ห น
สามีอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยา นานเท่าใด และแม้หญิงอื่นนั้นจะมีความสัมพันธ์ทางชู้สาวได้เสียกันมาก่อนที่สามีจะ
การอุปการะเลี้ยงดูหญิงอื่น หมายถึง
การให้ความช่วยเหลือหญิงที่มิใช่ภริยา ตนในสิ่งจำเป็นแก่การดำรงชีพ ไม่ว่าจะเป็นการให้เงินทองไว้จับจ่ายใช้สอย ให้เครื่อง อุปโภคบริโภคหรือทรัพย์สินอื่นใดเพื่อเป็นปัจจัยในการดำรงชีพก็ได้ การอุปการะเลี้ยงดู หญิงอื่นนั้นจะต้องเป็นการอุปการะเลี้ยงดูฉันภริยา มิใช่อุปการะเลี้ยงดูในฐานะอื่น
สมรสกับภริยาก็ตาม แต่หากสามียังอุปการะเลี้ยงดูหญิงอื่นนั้นโดยเปิดเผยฉันภริยา หลังจากการสมรสแล้ว ภริยาก็ยังมีสิทธิฟ้องหย่าได้ การยกย่องหญิงอื่นฉันภริยา หมายถึงการแสดงโดยเปิดเผยให้บุคคลทั่วไปทราบว่าหญิงอื่นนั้นเป็นภริยาตนหรือมี ความสัมพันธ์ฉันภริยากับตน เช่น สามีพาหญิงอื่นไปในงานสังคมโดยเปิดเผยและแนะนำ เพื่อนฝูงให้รู้จักว่าเป็นภริยาตน เป็นต้น ทั้งนี้โดยไม่คำนึงว่าสามีจะได้มีการจดทะเบียน สมรสกับหญิงอื่นนั้นซ้อนเข้ามาด้วยหรือไม่ ฉะนั้น การที่สามีไปจดทะเบียนสมรสกับหญิง อื่นซึ่งมีบุตรด้วยกันกับสามี โดยจดทะเบียนสมรสหลังจากจดทะเบียนสมรสกับภริยาได้ ๒ วัน และสามียังส่งเสียให้เงินหญิงอื่นนำไปใช้จ่าย แม้จะเชื่อว่าตนนับถือศาสนาอิสลาม มีสิทธิมีภริยาได้ ๔ คนก็ตาม แต่เมื่อมิได้อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะใช้กฎหมายอิสลามบังคับ ได้แล้วก็ถือว่าสามีอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องหญิงอื่นฉันภริยา ภริยามีสิทธิฟ้องหย่าได้ ตามเหตุหย่าข้อนี้
การที่สามีอุปการะเลี้ยงดูชายอื่นฉันภริยาไม่ว่าชายอื่นนั้นจะได้ผ่าตัดแปลงเพศ แล้วหรือไม่ก็ไม่เป็นเหตุฟ้องหย่าในเรื่องมีภริยาน้อย เพราะชายแม้จะผ่าตัดแปลงเพศเป็น 1 หญิงก็ยังถือว่าเป็นชายอยู่และเพศของบุคคลไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ แต่ในกรณีดังกล่าว ถือว่าเป็นการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ภริยาจึงมีสิทธิฟ้องหย่าได้ การที่สามีไปร่วม ประเวณีกับหญิงอื่นโดยไม่มีการอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องหญิงอื่นฉันภริยาเลย เช่น ไป เที่ยวหญิงโสเภณีชั่วครั้งคราวไม่เป็นอาจิณยังไม่ถือเป็นเหตุฟ้องหย่า นอกจากนี้แม้สามีจะ ไปได้หญิงอื่นเป็นภริยาน้อย แต่ถ้าสามีแอบซุกซ่อนปกปิดไว้ไม่ให้ใครรู้และไม่ได้ส่งเสีย เลี้ยงดูภริยาน้อยนั้นเลย เช่นนี้ภริยาจะฟ้องหย่าโดยอ้างเหตุสามีอุปการะเลี้ยงดูหรือ ยกย่องหญิงอื่นฉันภริยาไม่ได้ จะฟ้องหย่าได้ก็แต่อ้างเหตุว่าเป็นการร่วมประเวณีกับผู้อื่น เป็นอาจิณ ซึ่งก็จะต้องมีภาระการพิสูจน์ถึงการร่วมประเวณีเช่นว่านี้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๔๖๗/๒๕๒๕ จำเลยที่ ๑ กับจำเลยที่ ๒ มาก่อนที่จะสมรสกับโจทก์ เมื่อจำเลยสมรสกับโจทก์แล้วจำเลยที่ ๑ ยังมี ความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับจำเลยที่ ๒ และยกย่องเป็นภริยาอย่างออกหน้าออกตา ดังนี้ โจทก์ฟ้องหย่าได้ และเหตุหย่ากรณีนี้โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะได้รับค่าทดแทนตาม มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวมาตรา ๑๕๒๓ วรรคแรก