Home บทความคดีแพ่ง ตั้งใจผิดสัญญาเช่าซื้อ ผิดอาญาคดีฉ้อโกงได้หรือไม่

ตั้งใจผิดสัญญาเช่าซื้อ ผิดอาญาคดีฉ้อโกงได้หรือไม่

3239

ตั้งใจผิดสัญญาเช่าซื้อ ผิดอาญาคดีฉ้อโกงได้หรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1429/2555

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ให้จำเลยคืนรถกระบะ หมายเลขทะเบียน บบ 9602 สงขลา หรือชดใช้ราคา 280,000 บาท แก่ผู้เสียหาย

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 จำคุก 1 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้หนึ่งในสี่ คงจำคุก 9 เดือน ให้จำเลยคืนรถกระบะ หมายเลขทะเบียน บบ ๙๖๐๒ สงขลา หรือชดใช้ราคา 280,000 บาท แก่ผู้เสียหาย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังเป็นยุติว่า จำเลยทำสัญญาซื้อขายรถกระบะ หมายเลขทะเบียน บบ 9602 สงขลา ของนายชงโค ผู้เสียหายในราคา 430,000 บาท โดยชำระเงินดาวน์แก่ผู้เสียหายในวันทำสัญญา 150,000 บาท ส่วนที่เหลือผู้เสียหายกับจำเลยตกลงกันว่าจะนำรถกระบะคันดังกล่าวไปทำสัญญาเช่าซื้อกับบริษัทเงินทุนจีอี แคปปิตอล จำกัด จำเลยขอรับรถในวันทำสัญญาซื้อขาย ต่อมาจำเลยไม่ยอมนำรถไปตรวจสภาพจึงไม่อาจทำสัญญาเช่าซื้อกับผู้บริษัทผู้ให้เช่าซื้อได้

มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า การที่จะเป็นความผิดฐานฉ้อโกงได้นั้น ผู้กระทำความผิดจะต้องมีเจตนาทุจริตหลอกลวงผู้เสียหายมาตั้งแต่แรก สำหรับคดีนี้ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยกับพวกติดต่อขอซื้อรถกระบะ หมายเลขทะเบียน บบ 9602 สงขลา จากผู้เสียหายในราคา 430,000 บาท ชำระเงินดาวน์ในวันทำสัญญา 150,000 บาท ส่วนที่เหลือจำเลยจะทำสัญญาเช่าซื้อกับบริษัทเงินทุนจีอี แคปปิตอล จำกัด ในวันดังกล่าวจำเลยได้ลงลายมือชื่อในสัญญาซื้อขายที่ไม่ได้กรอกข้อความไว้ พร้อมมอบสำเนาบัตรประจำตัวข้าราชการและสำเนาทะเบียนบ้านให้แก่ผู้เสียหาย นายพุดตาน พนักงานของบริษัทเงินทุนจีอี แคปปิตอล จำกัด นำสัญญาเช่าซื้อที่ยังไม่ได้กรอกรายละเอียดให้จำเลยลงลายมือชื่อในช่องผู้เช่าซื้อไว้ จากพฤติการณ์แสดงว่าจำเลยมิได้เจตนาทุจริตหลอกลวงโจทก์มาตั้งแต่ต้น การที่บริษัทเงินทุนจีอี แคปปิตอล จำกัด ยกเลิกการเช่าซื้อในเวลาต่อมาเนื่องจากจำเลยไม่นำรถไปตรวจสภาพเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในภายหลังจากที่ผู้เสียหายส่งมอบรถกระบะแล้ว มิได้เกิดจากจำเลยหลอกลวงผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จแต่อย่างใด การที่จำเลยมิได้ชำระราคาค่าเช่าซื้อส่วนที่เหลือก็เป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้น ดังนั้น พยานหลักฐานของโจทก์ที่นำสืบมายังรับฟังไม่ได้ว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายกฟ้องมา ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

สรุป

จำเลยกับพวกติดต่อขอซื้อรถกระบะจากผู้เสียหายในราคา 430,000 บาท ชำระเงินดาวน์ในวันทำสัญญา 150,000 บาท ส่วนที่เหลือจำเลยจะทำสัญญาเช่าซื้อกับบริษัทเงินทุน จ. ในวันดังกล่าวจำเลยลงลายมือชื่อในสัญญาซื้อขายที่ไม่ได้กรอกข้อความไว้พร้อมมอบสำเนาบัตรประจำตัวข้าราชการและสำเนาทะเบียนบ้านให้แก่ผู้เสียหาย แล้วพนักงานของบริษัทเงินทุน จ. นำสัญญาเช่าซื้อที่ยังไม่ได้กรอกรายละเอียดให้จำเลยลงลายมือชื่อในช่องผู้เช่าซื้อไว้ จากพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยมิได้มีเจตนาทุจริตหลอกลวงโจทก์มาตั้งแต่ต้น การที่บริษัทเงินทุน จ. ยกเลิกการเช่าซื้อในเวลาต่อมาเนื่องจากจำเลยไม่นำรถไปตรวจสภาพ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่ผู้เสียหายส่งมอบรถกระบะแล้ว มิได้เกิดจากการหลอกลวงผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ การที่จำเลยมิได้ชำระราคาเช่าซื้อส่วนที่เหลือก็เป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้น

Facebook Comments