รับสารภาพหลังจากสืบพยานแล้ว ถือเป็นเหตุบรรเทาโทษหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3152/2538
โจทก์ ฟ้อง ขอให้ ลงโทษ จำเลย ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289, 80
จำเลย ให้การ ปฏิเสธ แต่เมื่อ สืบพยานโจทก์ เสร็จ แล้ว และ สืบพยานจำเลย ไป บางส่วน จำเลย ขอ ถอน คำให้การ เดิม และ ให้การ ใหม่ รับสารภาพตาม ฟ้องโจทก์ ทุกประการ
ศาลชั้นต้น พิพากษา ว่า จำเลย มี ความผิด ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(2) ประกอบ มาตรา 80 ลงโทษ จำคุก ตลอด ชีวิต จำเลย รับสารภาพเป็น ประโยชน์ แก่ การ พิจารณา มีเหตุ บรรเทา โทษ ลดโทษ ให้ หนึ่ง ใน สี่ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 53, 78 คง จำคุก 37 ปี 6 เดือน
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 พิพากษาแก้ เป็น ว่า ลดโทษ ให้ จำเลย หนึ่ง ใน สามตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบ มาตรา 53 แล้ว คง จำคุก 33 ปี4 เดือน นอกจาก ที่ แก้ คง ให้ เป็น ไป ตาม คำพิพากษา ศาลชั้นต้น
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “คดี มี ปัญหา ต้อง วินิจฉัย ตาม ฎีกา ของ จำเลยว่า การ ที่ จำเลย ให้การรับสารภาพ เมื่อ สืบพยานโจทก์ หมด แล้ว และ สืบพยานจำเลย ไป บางส่วน ศาล ควร ลดโทษ ให้ จำเลย กึ่งหนึ่ง หรือไม่ เห็นว่าคดี นี้ จำเลย มิได้ ให้การรับสารภาพ มา แต่ ต้น คง ให้การ ปฏิเสธ สู้ คดีมา ตลอดจน สืบพยานโจทก์ เสร็จสิ้น และ สืบพยาน จำเลย ไป บางส่วน คือตัว จำเลย ไป แล้ว อีก ทั้ง ตาม ท้อง สำนวน ก็ ปรากฏว่า จำเลย ยัง มี ความมุ่งหมาย ที่ จะ ต่อสู้ คดี ต่อไป อีก เพราะ จำเลย อ้าง พยาน อื่น ไว้ อีก 2 ปากคือ นายองุ่น และ นายมะหาด์ ทรการ เมื่อ สืบ ตัว จำเลย แล้ว ทนายจำเลย แถลง ขอเลื่อน คดี ไป เพราะ เตรียม พยาน มา เพียง เท่านี้แต่ นัด ต่อมา ทนายจำเลย ไม่มา ศาล จำเลย จึง ขอให้ ศาล ขอแรงทนาย ความ ให้เมื่อ มี ทนายความ คนใหม่ ที่ ศาล ขอ แรง แล้ว ใน นัด ต่อมา ทนายจำเลย แถลงขอเลื่อน คดี ต่อไป อีก เพราะ ยัง ติดตาม ตัว พยาน ไม่ได้ ครั้น ถึง วันนัดอีก นัด หนึ่ง จำเลย จึง ให้การรับสารภาพ โดย ไม่ปรากฏ เหตุ เรื่อง พยานว่า ติดตาม ได้ หรือไม่ แม้ คำรับสารภาพ ของ จำเลย จะ เป็น ประโยชน์ บ้างก็ ดี แต่ การ ที่ จำเลย บ่ายเบี่ยง ต่อสู้ คดี อ้าง เหตุ ไม่ต้อง รับผิดว่า เป็น การ ป้องกัน พี่ชาย และ ไม่รู้ ว่า ผู้เสียหาย เป็น เจ้าพนักงานนั้น ล้วน เป็น การ ปฏิเสธ ทั้งสิ้น คำรับสารภาพ ของ จำเลย จึง ไม่เป็นประโยชน์ แก่ การ พิจารณา ทั้งหมด เหตุผล ที่ จำเลย อ้างว่า ถึง อย่างไรคดี นี้ มี โทษสูง ซึ่ง โจทก์ ต้อง สืบพยาน ประกอบ อยู่ แล้ว ควร ลดโทษ ให้กึ่งหนึ่ง นั้น ไม่ถูกต้อง ที่ ถูก คือ ต้อง พิจารณา ว่า คำรับสารภาพ ของจำเลย เป็น ประโยชน์ แก่ การ พิจารณา มาก น้อย เพียงใด ที่ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ลดโทษ ให้ จำเลย หนึ่ง ใน สาม เป็น ผล ดี แก่ จำเลย มาก อยู่ แล้ว นับ ว่าใช้ ดุลพินิจ เหมาะสม แก่ พฤติการณ์ แห่ง รูปคดี ไม่มี เหตุ ที่ ศาลฎีกาจะ เปลี่ยนแปลง แก้ไข ฎีกา ของ จำเลย ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน
สรุป
จำเลยมิได้ให้การรับสารภาพมาแต่ต้นโดยปฏิเสธสู้คดีมาตลอดจนสืบพยานโจทก์เสร็จและสืบพยานจำเลยไปบางส่วนแล้วทั้งตามสำนวนก็ปรากฏว่าจำเลยจะต่อสู้คดีต่อไปอีกอีกทั้งการที่จำเลยต่อสู้คดีอ้างเหตุไม่ต้องรับผิดว่าเป็นการป้องกันพี่ชายและไม่รู้ว่าผู้เสียหายเป็นเจ้าพนักงานนั้นล้วนเป็นการปฏิเสธคำรับสารภาพจึงไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาทั้งหมดที่ศาลควรลดโทษให้กึ่งหนึ่งส่วนเหตุผลที่ว่าเป็นคดีมีโทษสูงซึ่งโจทก์ต้องสืบพยานประกอบอยู่แล้วก็หาใช่เหตุผลที่จะนำมาพิจารณาในกรณีนี้ไม่