ข้อตกลงสละสิทธิค่าแห่งการงาน สามารถมีได้หรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2165/2556
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 7,438,550.64 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 972,029.17 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 20,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงิน 242,166 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้เถียงกันในชั้นนี้รับฟังว่า จำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดประกอบธุรกิจประกันชีวิตและประกันภัย จำเลยตั้งให้โจทก์เป็นตัวแทนประกันชีวิตของจำเลยมีหน้าที่ชี้ชวนให้บุคคลทั่วไปเข้าทำสัญญาประกันชีวิตและต่ออายุกรมธรรม์กับจำเลย โดยโจทก์มีสิทธิได้รับค่านายหน้าจากจำเลยต่อเมื่อจำเลยได้ออกกรมธรรม์ให้แก่ผู้เอาประกันชีวิตที่โจทก์หามาได้และผู้เอาประกันชีวิตรายนั้นชำระเบี้ยประกันให้แก่จำเลยแล้ว หลังจากนั้นโจทก์ติดต่อหาลูกค้าให้แก่จำเลยตลอดมา จำเลยบอกเลิกสัญญาตัวแทนประกันชีวิตกับโจทก์ เมื่อนับถึงวันที่จำเลยบอกเลิกสัญญาแล้วโจทก์มีสิทธิได้รับค่านายหน้าจากจำเลย 242,166 บาท
มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า นอกจากโจทก์มีสิทธิเรียกร้องค่านายหน้าจำนวนดังกล่าวจากจำเลยแล้ว โจทก์จะเรียกร้องเอาค่าแห่งการงานที่โจทก์ติดต่อหาลูกค้าให้จำเลยได้หรือไม่ โจทก์ฎีกาว่า เมื่อจำเลยบอกเลิกสัญญาตัวแทนประกันชีวิตเป็นเหตุให้สัญญาตัวแทนประกันชีวิตระหว่างโจทก์กับจำเลยเลิกไปก็ตาม แต่จำเลยจำต้องให้โจทก์ได้กลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิม ส่วนการงานที่โจทก์ทำให้แก่จำเลยและจำเลยได้รับประโยชน์ไปแล้ว จำเลยต้องใช้เงินให้แก่โจทก์ตามค่าแห่งการนั้น ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 วรรคสาม พิเคราะห์แล้ว ที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์มีสิทธิได้รับค่านายหน้าจากจำเลยเป็นเงินทั้งสิ้น 974,029.17 บาท แม้ลูกค้าบางรายจะชำระเบี้ยประกันให้แก่จำเลยหลังจากที่โจทก์ถูกเลิกสัญญาก็ตาม แต่การที่ลูกค้าเหล่านั้นเข้าทำสัญญากับจำเลยเป็นผลจากการที่โจทก์เป็นนายหน้าให้แก่จำเลย จำเลยย่อมมีหน้าที่ชำระค่านายหน้าจำนวนดังกล่าวให้แก่โจทก์ เห็นว่า แม้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 วรรคสาม บัญญัติรับรองสิทธิของโจทก์ที่จะเรียกร้องค่าแห่งการงานที่โจทก์ทำให้แก่จำเลยก็ตาม แต่ตามสัญญาตัวแทนประกันชีวิตระหว่างโจทก์กับจำเลย ข้อ 26.2 มีข้อความว่า เมื่อสัญญาตัวแทนประกันชีวิตสิ้นสุดลง จำเลยมีสิทธิงดจ่ายค่าจ้างหรือประโยชน์อื่นใดแก่โจทก์ การที่โจทก์ทำสัญญาฉบับดังกล่าวกับจำเลยแสดงให้เห็นว่าโจทก์ยอมสละสิทธิเรียกร้องค่าแห่งการงานที่โจทก์มีต่อจำเลย การที่จำเลยปฏิเสธไม่ยอมจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่โจทก์จึงชอบแล้ว โจทก์ไม่อาจใช้สิทธิเรียกร้องค่าแห่งการงานที่โจทก์ทำให้แก่จำเลยก่อนสัญญาตัวแทนประกันชีวิตสิ้นสุดลงได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ
สรุป
แม้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 391 วรรคสาม บัญญัติรับรองสิทธิของโจทก์ที่จะเรียกร้องค่าแห่งการงานที่โจทก์ทำให้จำเลย แต่ตามสัญญาตัวแทนประกันชีวิตระหว่างโจทก์กับจำเลยมีข้อความว่า เมื่อสัญญาตัวแทนประกันชีวิตสิ้นสุดลงจำเลยมีสิทธิงดจ่ายค่าจ้างหรือประโยชน์อื่นใดแก่โจทก์ แสดงให้เห็นว่าโจทก์ยอมสละสิทธิเรียกร้องค่าแห่งการงานที่โจทก์มีต่อจำเลย โจทก์จึงไม่อาจใช้สิทธิเรียกร้องค่าแห่งการงานที่โจทก์ทำให้แก่จำเลยก่อนสัญญาตัวแทนประกันชีวิตสิ้นสุดลงได้