ท้าวแชร์ผิดพรบ.แชร์ ฟ้องได้หรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 797/2546
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่าย และจำเลยที่ 2 ผู้สลักหลัง ร่วมกันชำระเงินตามเช็คและดอกเบี้ยจำนวน 214,115 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินจำนวน 200,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การและแก้ไขคำให้การว่า เช็คพิพาททั้งสองฉบับเป็นเช็คที่จำเลยที่ 1ใช้ในการเล่นแชร์สองวงกับห้างหุ้นส่วนจำกัดอุดมชัย พี.เอส.ที. เทรดดิ้งซัพพลายนายวงแชร์ที่มีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ทำการแทน และโจทก์ร่วมเล่นแชร์ด้วยในนามของห้างหุ้นส่วนจำกัดเอกวรรณเคหะภัณฑ์ แชร์แต่ละวงดังกล่าวมีจำนวนเงินทุนกองกลางรวมกันสูงกว่า 300,000 บาท การเล่นแชร์ดังกล่าวจึงเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ทั้งโจทก์รับโอนเช็คพิพาททั้งสองฉบับจากจำเลยที่ 2 โดยคบคิดกันฉ้อฉลจำเลยที่ 1 เนื่องจากขณะที่โจทก์โอนรับเช็คพิพาทมานั้น วงแชร์ดังกล่าวล้มไปแล้วอีกทั้งก่อนที่จำเลยที่ 2 สลักหลังเช็คพิพาททั้งสองฉบับให้แก่โจทก์จำเลยที่ 1 ได้หักกลบลบหนี้ตามเช็คพิพาททั้งสองฉบับกับจำเลยที่ 2 แล้ว เช็คพิพาททั้งสองฉบับจึงเป็นเช็คที่ไม่มีมูลหนี้ และโจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยเพราะเป็นแชร์ที่มีการคิดดอกเบี้ยกันแล้วขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 100,000 บาท นับแต่วันที่ 10 ตุลาคม2540 และของต้นเงินจำนวน 100,000 บาท นับแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2540 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่า การเล่นแชร์ตามฟ้องต้องห้ามตามกฎหมาย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ให้ต้องรับผิดชดใช้เงินตามเช็คพิพาททั้งสองฉบับหรือไม่ โดยจำเลยที่ 1 ฎีกาว่า มูลหนี้ตามเช็คพิพาททั้งสองฉบับเกิดจากการเล่นแชร์ที่มีนิติบุคคลเป็นนายวงแชร์หรือจัดให้มีการเล่นแชร์และการเล่นแชร์มีทุนกองกลางต่อหนึ่งงวดรวมกันมากกว่า 300,000 บาท เป็นการต้องห้ามตามพระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ. 2534 มาตรา 5 และมาตรา 6 นั้น เห็นว่า แม้ตามรายชื่อสมาชิกวงแชร์เอกสารหมาย ล.4 และ ล.5 จะระบุชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดอุดมชัย พี.เอส.ที.เทรดดิ้งซัพพลาย เป็นนายวงแชร์ และผู้ร่วมเล่นแชร์ทั้งสองวงมีทั้งชื่อนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา แต่ในการชำระค่าแชร์ทั้งสองวงนั้น จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 แล้วจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อสลักหลังโดยมิได้ปรากฏข้อความว่ากระทำการแทนนิติบุคคลดังกล่าวแต่อย่างใด ทั้งจำเลยที่ 1 ก็เบิกความว่า จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คพิพาททั้งสองฉบับในฐานะนายวงแชร์จึงน่าเชื่อว่าการเล่นแชร์พิพาททั้งสองวงเป็นการเล่นแชร์ในฐานะส่วนตัวของจำเลยที่ 2 มิใช่ในฐานะนิติบุคคลตามที่จำเลยที่ 1 กล่าวอ้าง เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 เล่นแชร์ในฐานะส่วนตัว จึงไม่ใช่กรณีนิติบุคคลเป็นนายวงแชร์หรือจัดให้มีการเล่นแชร์ การเล่นแชร์ทั้งสองวงดังกล่าวจึงไม่ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ. 2534 มาตรา 5 ส่วนที่จำเลยที่ 1ฎีกาว่า การเล่นแชร์ต้องห้ามตามกฎหมายเพราะมีทุนกองกลางต่อหนึ่งงวดรวมกันมากกว่า300,000 บาท และโจทก์เล่นแชร์ในนามของห้างหุ้นส่วนจำกัดเอกวรรณเคหะภัณฑ์ จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ในนามตนเองนั้นเห็นว่า แม้ตามพระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ. 2534 มาตรา 6 บัญญัติห้ามมิให้บุคคลธรรมดาเป็นนายวงแชร์หรือจัดให้มีการเล่นแชร์ที่มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่ระบุไว้ใน (1) ถึง (4) ของมาตราดังกล่าวก็ตาม แต่มาตรา 7 ก็ได้บัญญัติให้สิทธิแก่สมาชิกวงแชร์ที่จะฟ้องคดีหรือใช้สิทธิเรียกร้องเอากับนายวงแชร์หรือผู้จัดให้มีการเล่นแชร์ที่กระทำการฝ่าฝืนมาตรา 6 ได้ และสมาชิกวงแชร์ด้วยกันก็หาได้มีบทบัญญัติห้ามเล่นแชร์แต่อย่างใดไม่ การเล่นแชร์เป็นสัญญาประเภทหนึ่งอันเกิดจากการตกลงกันระหว่างผู้เล่น มีผลผูกพันและบังคับกันได้ตามกฎหมาย การเล่นแชร์พิพาททั้งสองวงจึงไม่ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 173 เมื่อโจทก์เป็นผู้ประมูลแชร์ได้รับเช็คพิพาททั้งสองฉบับที่จำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายและมีจำเลยที่ 2 นายวงแชร์เป็นผู้สลักหลัง เช็คทั้งสองฉบับดังกล่าวเป็นเช็คสั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ โจทก์เป็นผู้ถือจึงเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบ เมื่อเช็คเรียกเก็บเงินไม่ได้โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดชดใช้เงินตามเช็คทั้งสองฉบับแก่โจทก์ การสั่งจ่ายเช็คชำระหนี้ค่าแชร์ดังกล่าวหาเป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้นชอบแล้วฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน
สรุป
รายชื่อสมาชิกวงแชร์ ระบุชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัด อ. เป็นนายวงแชร์ แต่ในการชำระค่าแชร์ จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 แล้วจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อสลักหลังโดยมิได้ปรากฏข้อความว่ากระทำการแทนนิติบุคคลดังกล่าวแต่อย่างใด จึงเป็นการเล่นแชร์ในฐานะส่วนตัวของจำเลยที่ 2 มิใช่ในฐานะนิติบุคคลไม่ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติการเล่นแชร์ฯ มาตรา 5 แม้ตามพระราชบัญญัติการเล่นแชร์ฯ มาตรา 6บัญญัติห้ามมิให้บุคคลธรรมดาเป็นนายวงแชร์หรือจัดให้มีการเล่นแชร์ที่มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่ระบุไว้ใน (1) ถึง (4) ของมาตราดังกล่าวก็ตาม แต่มาตรา 7ก็ได้บัญญัติให้สิทธิแก่สมาชิกวงแชร์ที่จะฟ้องคดีหรือใช้สิทธิเรียกร้องเอากับนายวงแชร์หรือผู้จัดให้มีการเล่นแชร์ที่กระทำการฝ่าฝืนมาตรา 6 ได้การเล่นแชร์เป็นสัญญาประเภทหนึ่งอันเกิดจากการตกลงกันระหว่างผู้เล่น บังคับกันได้ตามกฎหมาย ไม่ตกเป็นโมฆะเมื่อโจทก์เป็นผู้ประมูลแชร์ได้รับเช็คพิพาทที่จำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายและมีจำเลยที่ 2 นายวงแชร์เป็นผู้สลักหลังเช็คฉบับดังกล่าวเป็นเช็คสั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ โจทก์เป็นผู้ถือจึงเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบ