คำถาม ขึงเส้นลวดเป็นแนวรั้วแล้วปล่อยกระแสไฟฟ้าเพื่อป้องกันมิให้มีคนมาลักใบพืช กระท่อม ต่อมามีคนร้ายลักลอบเข้าไปลักใบพืชกระท่อมสัมผัสแนวรั้วถูกกระแสไฟฟ้าช็อตถึงแก่ ความตาย ดังนี้ เป็นความผิดฐานใด
คำตอบ มีคำพิพากษาฎีกาวินิจฉัยไว้ดังนี้
คำพิพากษาฎีกาที่ ๗๖/๒๕๖๓ จำเลยจึงแนวรั้วไฟฟ้าห่างจากต้นพืชกระท่อมประมาณ ๕ เมตร ก่อนจะถึงแนวรั้วไฟฟ้า ได้วางตะปูตอกไม้หงายไว้เพื่อป้องกันคนเข้ามาลักทรัพย์ในบริเวณอาณาเขตบ้านของจำเลย แสดงให้เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาให้กระแสไฟฟ้าทำร้ายร่างกายคนที่มาสัมผัสแนวรั้วไฟฟ้าดังกล่าว แม้ว่าการปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้าสู่เส้นลวดของกลางขนาดแรงดัน ๒๒๐ โวลต์ จะทำให้แรงดัน กระแสไฟฟ้าในเส้นลวดของกลางลดลงเหลือแรงดันประมาณ ๑๑๐ ถึง ๑๕๐ โวลต์ หากคนไป สัมผัสเส้นลวดของกลางจะถูกกระแสไฟฟ้าช็อตแต่ไม่ถึงแก่ความตายในทันที ต้องใช้เวลานาน ประมาณ ๑๐ ถึง ๒๐ นาที จึงจะถึงแก่ความตาย แต่เนื่องจากก่อนเกิดเหตุมีฝนตกลงมา หนักมากทำให้พื้นดินบริเวณที่เกิดเหตุเปียกชื้นชุ่มน้ำ จึงเป็นตัวนำกระแสไฟฟ้าผ่านลงดินได้เป็น อย่างดี เป็นเหตุให้ผู้ตายทั้งสามซึ่งลักลอบเข้าไปลักใบต้นพืชกระท่อมที่ปลูกไว้หลังบ้านของ จำเลย สัมผัสแนวรั้วที่จำเลยซึ่งกั้นไว้ถูกกระแสไฟฟ้าช็อตถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลย จึงเป็นเพียงมีเจตนาทำร้ายผู้ตายทั้งสาม มิได้มีเจตนาฆ่าแต่การกระทำนั้นเป็นเหตุทำให้ ผู้ตายทั้งสามถึงแก่ความตาย
จำเลยจึงเส้นลวดของกลางเป็นแนวรั้วล้อมบริเวณต้นพืชกระท่อมแล้วปล่อยกระแสไฟฟ้า ขนาดแรงดัน ๒๒๐ โวลต์ เข้าสู่แนวรั้ว แม้ว่าการกระทำของผู้ตายทั้งสามถือว่าเป็นการประทุษร้าย อันเป็นละเมิดต่อกฎหมายและต่อทรัพย์สินของจำเลย ซึ่งจำเลยมีสิทธิที่จะป้องกันทรัพย์สินของ ตนได้ก็ตาม แต่พฤติการณ์ที่จำเลยปล่อยกระแสไฟฟ้าขนาดแรงดันสูงถึง ๒๒๐ โวลต์ ไปตาม เส้นลวดของกลางที่ซึ่งเป็นแนวรั้วโดยไม่มีฉนวนหุ้มนั้น แม้โดยสภาพจะไม่ทำให้ผู้สัมผัสเส้นลวด ที่มีกระแสไฟฟ้าอยู่ถึงแก่ความตายในทันที แต่ก็สามารถทำให้ได้รับบาดเจ็บเป็นอันตรายแก่กาย หรือสาหัสได้ และหากถูกกระแสไฟฟ้าช็อตเป็นเวลานานย่อมเป็นอันตรายร้ายแรงถึงแก่ชีวิตได้ อีกทั้งบริเวณหลังบ้านเกิดเหตุที่ผู้ตายทั้งสามนอนตายอยู่นั้น มีกิ่งต้นพืชกระท่อมถูกตัดลงมา บางส่วนเท่านั้น ไม่ปรากฏว่ามีทรัพย์สินอื่นของจำเลยอยู่ในบริเวณดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าผู้ตายทั้งสามมีจุดมุ่งหมายที่จะเข้าไปในอาณาเขตบ้านของจำเลยเพื่อลักเอาใบพืชกระท่อม
ของจำเลยไปเท่านั้น ทรัพย์ที่จำเลยมีสิทธิกระทำการป้องกันเป็นเพียงต้นพืชกระท่อม ซึ่งเป็นสิ่ง ผิดกฎหมาย เนื่องจากเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ ไม่ใช่ทรัพย์ที่จำเป็นจะต้องดูแลป้องกันถึงขนาดสร้างแนวรั้วไฟฟ้ามีแรงดันสูง ขนาด ๒๒๐ โวลต์ เช่นนี้ การกระทำดังกล่าวจึงเกินสมควรแก่เหตุ หรือเกินกว่ากรณีแห่ง ความจำเป็น หรือเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันตาม ป.อ. มาตรา ๖๙ จำเลยยังคงมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย ตาม ป.อ. มาตรา ๒๙๐ วรรคแรก ประกอบมาตรา ๖๙ ซึ่งศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับ ความผิดนั้นเพียงใดก็ได้
สรุปไม่ผิดฐานฆ่าผู้อื่นแต่ผิดฐานทำร้ายร่างกาย แต่เป็นการป้องกันเกินกว่าเหตุ
มีปัญหาคดีความปรึกษาทีมงานทนายกฤษดา
โทร 089-142-7773 ไลน์ไอดี @lawyers.in.th