Home บทความคดีแพ่ง หลักที่ศาลฎีกาใช้พิจารณาคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญาในความผิดฐานหมิ่นประมาท

หลักที่ศาลฎีกาใช้พิจารณาคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญาในความผิดฐานหมิ่นประมาท

1969

หลักที่ศาลฎีกาใช้พิจารณาคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญาในความผิดฐานหมิ่นประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1462/2537

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกล่าวถ้อยคำหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ต่อบุคคลหลายคนโดยเจตนาที่จะทำให้โจทก์ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นเกลียดชังโจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 322,500 บาท พร้อมดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยกล่าวถ้อยคำหมิ่นประมาทโจทก์

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยได้กล่าวถ้อยคำหมิ่นประมาทโจทก์ตามฟ้อง พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 150,000 บาทพร้อมดอกเบี้ย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์40,000 บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การพิจารณาว่าคดีแพ่งใดเป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาหรือไม่นั้น ย่อมต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริงในคดีแพ่งนั้นเอง ว่าเป็นการกระทำที่เป็นองค์ประกอบความผิดในคดีอาญาหรือไม่ ในการกระทำละเมิดด้วยการพูดหมิ่นประมาทนั้น ถ้าเป็นการพูดที่มุ่งถึงโจทก์ เป็นการใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 การพูดเช่นนั้นก็เป็นการละเมิดต่อโจทก์และถือเป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาได้ มิใช่ว่าการที่จำเลยพูดหมิ่นประมาทโจทก์โดยไม่ออกชื่อโจทก์จะทำให้การหมิ่นประมาทนั้นกลายเป็นคดีแพ่งที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาไปได้โจทก์ได้ฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงพระนครใต้เป็นคดีอาญาฐานหมิ่นประมาทเป็นอีกคดีหนึ่งด้วย ศาลแขวงพระนครใต้ได้มีคำพิพากษาในคดีส่วนอาญาโดยฟังข้อเท็จจริงว่า การกระทำของจำเลยเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงเช่นเดียวกับศาลแขวงพระนครใต้การพูดหมิ่นประมาทของจำเลยที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นคดีแพ่งคดีนี้แม้จะมิได้ออกชื่อโจทก์แต่ก็เป็นการพูดหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์คดีนี้จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา

พิพากษายืน

สรุป

การพิจารณาว่าคดีแพ่งใดเป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาหรือไม่นั้น ย่อมต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริงในคดีแพ่งนั้นเองว่าเป็นการกระทำที่เป็นองค์ประกอบความผิดในคดีอาญาหรือไม่ ในการกระทำละเมิดด้วยการพูดหมิ่นประมาท ถ้าเป็นการพูดที่มุ่งถึงโจทก์เป็นการใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามโดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 การพูดเช่นนั้นก็เป็นการละเมิดต่อโจทก์และถือเป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาได้ มิใช่ว่าการที่จำเลยพูดหมิ่นประมาทโจทก์โดยไม่ออกชื่อโจทก์จะทำให้การหมิ่นประมาทนั้นกลายเป็นคดีแพ่งที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาไปได้

Facebook Comments