หน้าที่ในการนำสืบ ว่าผู้เอาประกันภัยเมาสุรา จึงไม่ต้องรับผิดเป็นหน้าที่ของใคร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1637/2538
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยประกอบธุรกิจประกันภัย (รับประกันชีวิต)และได้ตกลงรับประกันชีวิตประเภทตลอดชีพสะสมทรัพย์พิเศษนายมะม่วง โดยมีโจทก์เป็นผู้รับประโยชน์ไว้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2531 คุ้มครองชีวิตนายมะม่วงอันเนื่องมาจากอุบัติเหตุไม่ว่าด้วยกรณีใด ๆ เป็นเงิน 400,000 บาทโดยนายมะม่วงระบุให้โจทก์ซึ่งเป็นน้องสาวเป็นผู้รับประโยชน์นายมะม่วงได้ชำระเงินเบี้ยประกันภัยรายปีตามอัตราส่วนจำนวนเงินที่คุ้มครองดังกล่าวแล้วในระหว่างอายุสัญญาประกันภัย นายมะม่วงได้ขับรถยนต์เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับรถยนต์ได้รับบาดเจ็บและถึงแก่ความตายในวันเดียวกัน โจทก์ในฐานะผู้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันภัยได้แสดงเจตนาขอรับเงินจำนวน 400,000 บาท จากจำเลยแต่จำเลยเพิกเฉยไม่ยอมชดใช้ให้ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายไม่ได้รับเงินตามสัญญาประกันภัย ขอให้บังคับจำเลยใช้เงินจำนวน436,986.30 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี จากต้นเงินจำนวน 400,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2531 นายมะม่วงแซ่เตีย ได้เอาประกันชีวิตตนเองกับจำเลยประเภทสะสมทรัพย์พิเศษในวงเงิน 200,000 บาท พร้อมกับขอซื้อสัญญาเพิ่มเติมผลประโยชน์อันพึงได้รับเนื่องจากอุบัติเหตุอีก 400,000 บาท จำเลยตกลงรับประกันชีวิตนายมะม่วง และได้ออกกรมธรรม์ประกันภัยเลขที่ ที005145925 ให้เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2531 ตามสัญญาเพิ่มเติมผลประโยชน์อันพึงได้รับเนื่องจากอุบัติเหตุที่นายมะม่วงได้ตกลงกับจำเลยระบุเงื่อนไขชัดแจ้งว่าจำเลยไม่ต้องชดใช้ค่าสินไหมมรณกรรมแก่ผู้รับประโยชน์จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในขณะหรือเนื่องจากผู้เอาประกันภัยเมาสุราหรือแพ้ยาตามเงื่อนไข ยกเว้นความรับผิดข้อ 11 (ฎ) การที่นายมะม่วง ได้ขับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 1 ร-4173 กรุงเทพมหานคร ไปเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับรถยนต์เป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในขณะหรือเนื่องจากนายมะม่วง ขับรถยนต์ในขณะที่เมาสุรา การตายของนายมะม่วง จึงอยู่ในบังคับของข้อยกเว้นความรับผิดของจำเลย จำเลยไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมมรณกรรมเนื่องจากอุบัติเหตุตามสัญญาเพิ่มเติมผลประโยชน์อันพึงได้รับจากอุบัติเหตุแก่โจทก์ผู้รับประโยชน์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 400,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 5 มีนาคม 2532จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องมิให้คิดเกินกว่า 36,986.30 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่านายมะม่วง ขับรถยนต์จากสะพานพระรามหกมุ่งหน้าไปทางสี่แยกท่าพระตามถนนจรัลสนิทวงศ์เมื่อขับมาถึงปากทางเข้าการไฟฟ้าคลองมอญ มีนายบานเย็น ขับรถยนต์มาจากทางสี่แยกท่าพระถึงปากทางเข้าการไฟฟ้าคลองมอญได้ขับรถเลี้ยวกลับตัดหน้ารถที่นายมะม่วงขับมาเป็นเหตุให้รถทั้งสองคันเฉี่ยวชนกันรถของนายมะม่วงเสียหลักแล่นไปชนท้ายรถยนต์โดยสารที่จอดอยู่ริมทางเป็นเหตุให้นายมะม่วงได้รับบาดเจ็บและถึงแก่ความตายด้วยอุบัติเหตุดังกล่าว แพทย์โรงพยาบาลศิริราชตรวจศพนายมะม่วงผู้ตายแล้วปรากฏว่าพบแอลกอฮอล์ในเลือดของผู้ตายสูงถึง203 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ หรือ 0.203 กรัมเปอร์เซ็นต์ซึ่งวงการแพทย์ถือหลักว่าหากปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดมีถึง150 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ หรือ 0.15 กรัมเปอร์เซ็นต์ หรือมากกว่าถือว่าบุคคลนั้นเมาสุราแล้ว ทั้งนี้ เนื่องจากแอลกอฮอล์ในเลือดที่มีจำนวนเท่านั้นจะมีผลทำให้บุคคลที่มีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์และเป็นปกติมีปฏิกิริยาในการตอบสนองช้าลงระบบประสาทซึ่งควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อจะทำให้บังคับกล้ามเนื้อทำงานไม่ประสมประสานกัน สติสัมปชัญญะผิดไปจากคนปกติและมีความยากลำบากในการควบคุมเครื่องจักรกลและการบังคับยานพาหนะ ซึ่งศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า ขณะที่เกิดอุบัติเหตุผู้ตายเมาสุราเข้าข้อยกเว้นการรับผิดตามข้อ 11(ฎ) จำเลยไม่ต้องรับผิดจ่ายเงินตามกรมธรรม์ประกันภัยจำนวน 400,000 บาท ให้แก่โจทก์
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยได้รับยกเว้นไม่ต้องจ่ายเงินตามกรมธรรม์ประกันภัยจำนวน 400,000 บาท ให้แก่โจทก์ตามสัญญาข้อ 11(ฎ) หรือไม่ เห็นว่า สัญญาข้อ 11(ฎ) ระบุไว้ว่า “สัญญาเพิ่มเติมนี้ไม่คุ้มครองการสูญเสียหรือทุพพลภาพอันเกิดขึ้นโดยทางตรงหรือทางอ้อมทั้งหมดหรือแต่บางส่วน จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในขณะหรือเนื่องจากผู้เอาประกันเมาสุราหรือแพ้ยา” นั้นมีความหมายว่า สัญญาเพิ่มเติมนี้ไม่คุ้มครองการมรณะของผู้เอาประกันอันเกิดขึ้นโดยตรงจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากผู้เอาประกันเมาสุราดังนั้น การที่จำเลยพิสูจน์ได้เพียงว่า นายมะม่วงผู้เอาประกันซึ่งถึงแก่กรรมโดยอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในขณะผู้เอาประกันเมาสุราตามหลักวิชาการแพทย์ โดยพิสูจน์ไม่ได้ว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นเนื่องจากผู้เอาประกันเมาสุรา จำเลยจึงไม่ได้รับยกเว้นตามข้อสัญญาดังกล่าว
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
สรุป
กรมธรรม์ประกันภัยระบุไว้ว่า สัญญาเพิ่มเติมนี้ไม่คุ้มครองการสูญเสียหรือทุพพลภาพอันเกิดขึ้นโดยทางตรงหรือทางอ้อมทั้งหมดหรือแต่บางส่วนจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในขณะหรือเนื่องจากผู้เอาประกันเมาสุราหรือแพ้ยามีความหมายว่า สัญญาเพิ่มเติมนี้ไม่คุ้มครองการมรณะของผู้เอาประกัน อันเกิดขึ้นโดยตรงจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากผู้เอาประกันเมาสุรา การที่จำเลยผู้รับประกันกันพิสูจน์ได้เพียงว่า ผู้เอาประกันซึ่งถึงแก่กรรมโดยอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในขณะผู้เอาประกันเมาสุราตามหลักวิชาการแพทย์แต่พิสูจน์ไม่ได้ว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นเนื่องจากผู้เอาประกันเมาสุรา จำเลยจึงไม่ได้รับยกเว้นตามข้อสัญญาดังกล่าว