ฎีกาเต็ม ด่าในไลน์กลุ่มผิดหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาหรือไม่
เคยมีคำพิพากษาศาลฎีกาตัดสินไว้อย่างไร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1612/2564
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 , 328
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นายแพงพวย ผู้เสียหาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ศาลชั้นต้นอนุญาต และโจทก์ร่วมยื่นคำร้องขอให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่จำเลยกระทำความผิดจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยต่อสู้คดีอย่างไร
จำเลยให้การในคดีส่วนแพ่งว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิดตามฟ้องขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นตัดสินว่า
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 , 328 จำคุก 2 ปี ให้จำเลยชำระค่าสินไหมทดแทน 20,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ร่วม
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ตัดสินว่า
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ลงโทษปรับ 20,000 บาท สถานเดียว ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 23 , 30 ค่าฤชาธรรมเนียมในคดีส่วนแพ่งในศาลชั้นต้นให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
จุดที่ศาลฎีกาวินิจฉัย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปรากฏว่าโจทก์ฎีกาทั้งปัญหาข้อกฎหมายและปัญหาข้อเท็จจริง กล่าวคือ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าพยานหลักฐานที่โจทก์และโจทก์ร่วมนำสืบรับฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 , 328 จำคุก 2 ปี จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังยุติว่า โจทก์ร่วมเป็นนายกเทศมนตรีเมืองลำสามแก้ว ส่วนจำเลยเป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองลำสามแก้ว เขต 2 เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2559 บริษัท พ. มีหนังสือถึงสภาเทศบาลเมืองลำสามแก้ว ขอให้พิจารณารับโอนที่ดินแปลงสาธารณูปโภคโครงการบ้านพฤกษา 20 เป็นสาธารณประโยชน์และอยู่ในพื้นที่การปกครองดูแลของเทศบาลเมืองลำสามแก้ว วันที่ 25 พฤษภาคม 2559 ที่ประชุมสภาเทศบาลเมืองลำสามแก้วมีมติเห็นชอบรับโอนที่ดินแปลงสาธารณูปโภคโครงการบ้านพฤกษา 20 ซึ่งเป็นพื้นที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของจำเลย ให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่เทศบาลเมืองลำสามแก้ว วันที่ 27 มกราคม 2560 โจทก์ร่วมในฐานะนายกเทศมนตรีเมืองลำสามแก้วมีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานบริหารจัดการบริการสาธารณะหมู่บ้านพฤกษา 20 จำนวน 48 คน นายทับทิม เป็นผู้พักอาศัยในหมู่บ้านพฤกษา 20 และเป็นผู้ตั้งกลุ่มในแอปพลิเคชั่นไลน์ ชื่อ “เพื่อนพฤกษา 20” จำเลยเป็นหนึ่งในสมาชิกจำนวน 344 คน ของแอปพลิเคชั่นไลน์ดังกล่าว เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2560
จำเลยส่งข้อความเข้าไปในแอปพลิเคชันไลน์ดังกล่าวว่า “แผนที่ให้คนของตัวเองมาเป็นประธานหรือหัวหน้า 48 คน ก็เพราะซูเอี๋ยระหว่างผู้มีอำนาจในเทศบาลกับบริษัทพฤกษาซึ่งเงินก้อนใหญ่ประมาณ 20 ล้าน ก็จะหายไปกับสายลมทั้ง ๆ ที่บริษัทพฤกษาต้องนำมาปรับปรุงถนนท่อระบายและอื่น ๆ จากนั้นเมื่อโอนเรียบร้อยเทศบาลก็หางบประมาณลงมาทำให้เพราะตอนนี้พฤกษา 20 ยังไม่โอน เทศบาลยังกล้าทำแผนพัฒนาเตรียมงบมาลง” ต่อมานาวาอากาศเอกกรณรงค์ ที่ปรึกษาหัวหน้าคณะทำงานบริหารจัดการบริการสาธารณะหมู่บ้านพฤกษา 20 ส่งข้อความดังกล่าวเข้าไปในกลุ่มแอปพลิเคชั่นไลน์ชื่อ “พฤกษา 20 เฟส 1” ซึ่งมีนายชมพู หัวหน้าคณะทำงานดังกล่าวเป็นสมาชิกอยู่ด้วย นายชมพูบันทึกหน้าจอข้อความดังกล่าวแล้วส่งต่อให้แก่นางสาวน้ำเงิน รองนายกเทศมนตรีเมืองลำสามแก้ว นางสาวน้ำเงินส่งข้อความดังกล่าวต่อให้แก่โจทก์ร่วม แล้วศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยต่อไปว่าการที่จำเลยส่งข้อความเข้าไปในแอปพลิเคชันไลน์กลุ่มเพื่อน.พฤกษา.20 มีลักษณะเป็นเพียงเจตนาการแจ้งหรือไขข่าวเฉพาะกลุ่มบุคคลซึ่งอยู่ในกลุ่มไลน์ดังกล่าวเท่านั้นยังไม่ถึงกับเป็นการกระจายข่าวไปสู่สาธารณชนหรือประชาชนทั่วไปการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ลงโทษปรับ 20,000 บาท สถานเดียวโจทก์ฎีกาว่า
จำเลยมีความผิดตามมาตรา 328 ด้วย โดยฎีกาทั้งปัญหาข้อเท็จจริงและปัญหาข้อกฎหมายรวมกันมา กล่าวคือฎีกาว่า การที่จำเลยส่งข้อความดังกล่าวทางแอปพลิเคชันไลน์ในกลุ่มชื่อ เพื่อน.พฤกษา.20 ปรากฏว่ามีสมาชิกในกลุ่มถึง 344 คน ถือว่าเป็นกลุ่มแอปพลิเคชันไลน์ที่มีสมาชิกจำนวนมากผู้ที่รับข้อความหมิ่นประมาทจึงมีจำนวนมากเหมือนการโพสต์ข้อความแบบสาธารณะซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ร่วมอย่างแพร่หลาย อีกทั้งกลุ่มไลน์ดังกล่าวก็อาจเพิ่มจำนวนได้โดยการรับเพื่อนเพิ่มเติมเข้ามาได้อีกถ้ามิใช่กลุ่มปิด ข้อความที่ส่งก็จะคงอยู่ในไลน์นั้นตลอดไปหากมีผู้เซฟข้อความเอาไว้ ซึ่งจำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าข้อความนั้นอาจมีผู้อื่นอ่านได้ถึง 344 คน หรือมากกว่านั้นถ้าสมาชิกในกลุ่มส่งข้อความให้บุคคลภายนอกกลุ่มผู้รับข้อความก็จะเพิ่มมากขึ้นได้อีก การส่งข้อความในไลน์กลุ่มจึงมิใช่การไขข่าวเฉพาะกลุ่ม แต่มีบุคคลภายนอกกลุ่มอาจรับรู้ได้ด้วย และกลุ่มไลน์ที่มีสมาชิกในกลุ่มเป็นจำนวนมากถึงพันคนหรือหมื่นคนก็มี ทั้งบุคคลในกลุ่มก็อาจไม่ได้รู้จักกันทุกคน การส่งข้อความทางกลุ่มไลน์ซึ่งมีสมาชิกจำนวนมากอาจมีผู้อ่านไลน์มากกว่าการโพสต์แบบสาธารณะเสียอีก จำเลยย่อมเล็งเห็นผลและประสงค์ต่อผลในการกระทำของตนได้ว่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ร่วมได้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการโฆษณาต่อสาธารณชน การส่งข้อความของจำเลยจึงถือได้ว่าเป็นการกระทำต่อสาธารณชนโดยการโฆษณาอันเป็นความผิดตามมาตรา 328 แล้วนั้น
คดีนี้ต้องห้ามฎีกาเพราะ
เห็นว่า แม้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้ไขทั้งบทลงโทษและกำหนดโทษ อันเป็นการแก้ไขมากก็ตามแต่เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 ยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 40,000 บาท
จึงต้องห้ามมิให้โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
จุดสำคัญที่ศาลตัดสิน
การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่าที่จำเลยส่งข้อความเข้าไปในกลุ่มไลน์นี้มีลักษณะเป็นเพียงเจตนาการแจ้งหรือไขข่าวเฉพาะกลุ่มบุคคลซึ่งอยู่ในกลุ่มไลน์นี้เท่านั้นเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริง การที่โจทก์ฎีกาดังกล่าวเป็นการฎีกาทำนองว่ามิได้มีเพียงเจตนาการแจ้งหรือไขข่าวเฉพาะกลุ่มบุคคลซึ่งอยู่ในไลน์นี้เท่านั้นเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้โจทก์ฎีกาตามบทบัญญัติมาตราดังกล่าว ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ส่วนที่โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย ที่ฎีกาว่า การที่จำเลยส่งข้อความดังกล่าวทางแอปพลิเคชั่นไลน์ในกลุ่มชื่อเพื่อน.พฤกษา.20 ซึ่งมีสมาชิกกลุ่มถึง 344 คน ถือว่าเป็นกลุ่มไลน์ที่มีสมาชิกจำนวนมาก ผู้ที่รับรู้ข้อความหมิ่นประมาทจึงมีจำนวนมากเหมือนการโพสต์ข้อความแบบสาธารณะซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ร่วมอย่างแพร่หลายนั้น
เห็นว่า ความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ผู้กระทำต้องเผยแพร่ข้อความอันเป็นการหมิ่นประมาทออกไปยังสาธารณชนหรือประชาชนทั่วไปการที่จำเลยส่งข้อความลงในแอปพลิเคชันไลน์นี้ ซึ่งข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 รับฟังมาดังกล่าวแล้วว่ามีลักษณะเป็นเพียงเจตนาการแจ้งหรือไขข่าวเฉพาะกลุ่มบุคคลซึ่งอยู่ในกลุ่มไลน์นี้เท่านั้น ดังนั้น จึงยังไม่ถึงกับเป็นการกระจายข่าวไปสู่สาธารณชนหรือประชาชนทั่วไป ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 เห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ในส่วนปัญหาข้อกฎหมายนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน
สรุป
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้ไขทั้งบทลงโทษและกำหนดโทษอันเป็นการแก้ไขมาก แต่เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 ยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 40,000 บาทจึงต้องห้ามมิให้โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 219
ความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาตาม ป.อ. มาตรา 328 ผู้กระทำต้องเผยแพร่ข้อความอันเป็นการหมิ่นประมาทออกไปยังสาธารณชนหรือประชาชนทั่วไป การที่จำเลยส่งข้อความลงในแอปพลิเคชันไลน์นี้ซึ่งมีลักษณะเป็นเพียงเจตนาการแจ้งหรือไขข่าวเฉพาะกลุ่มบุคคลซึ่งอยู่ในกลุ่มไลน์นี้เท่านั้น ดังนั้น จึงยังไม่ถึงกับเป็นการกระจายข่าวไปสู่สาธารณชนหรือประชาชนทั่วไป การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาตาม ป.อ. มาตรา 328