Home ทั้งหมด จุดใดบ้างที่ศาลฎีกาวินิจฉัย คดีวิ่งราวทรัพย์หรือชิงทรัพย์

จุดใดบ้างที่ศาลฎีกาวินิจฉัย คดีวิ่งราวทรัพย์หรือชิงทรัพย์

1396

จุดใดบ้างที่ศาลฎีกาวินิจฉัย คดีวิ่งราวทรัพย์หรือชิงทรัพย์

คำถาม ขับรถจักรยานยนต์ประกบด้านข้างรถจักรยานยนต์ของผู้อื่นพร้อมกับ
ดึงแขนเสื้อและพูดให้สงทรัพย์สินให้จนรถจักรยานยนต์ล้มลง ผู้เสียหายลุกขึ้นจะวิ่งหนี
คนร้ายกอดผู้เสียหายจากทางด้านหลังคลำหากระเป๋าสตางค์ที่ตัวผู้เสียหาย ผู้เสียหายกลัว
จึงส่งกระเป๋าให้ไป ดังนี้ เป็นความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์หรือชิงทรัพย์

คำตอบ มีคำพิพากษาฎีกาวินิจฉัยไว้ดังนี้

คำพิพากษาฎีกาที่ ๕๒๑๒/๒๕๖๓

จำเลยขับรถจักรยานยนต์ประกบด้านข้างรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย จำเลยใช้มือดึงแขนเสื้อของผู้เสียหายพร้อมพูดว่า “มีเงิน มีทอง มีของมีค่า เอามาให้หมดผู้เสียหายปล่อยมือจากคันบังคับทำให้รถจักรยานยนต์เสียหลักล้มลง ส่วนรถจักรยานยนต์ของจำเลยก็ล้มลงด้วย

ผู้เสียหายลุกขึ้นวิ่งหลบหนี แต่จำเลยลุกขึ้นมากอดผู้เสียหาย
จากทางด้านหลังและคลำหากระเป๋าสตางค์ที่ตัวผู้เสียหาย ผู้เสียหายไม่กล้าขัดขืนจึงส่ง
กระเป๋าผ้าซึ่งมีเงินอยู่ ๕๐๐ บาทเจตนาทำให้ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บซึ่งเป็นผู้หญิงในเวลากลางคืน แต่การทรัพย์สินให้เช่นนั้น ถือได้ว่าเป็นการข่มขู่คุกคามผู้เสียหายให้เกิดความกลัวอยู่ในตัวแล้วว่าจำเลยจะใช้กำลังประทุษร้ายหากผู้เสียหายไม่ยอมมอบทรัพย์สินให้จำเลยหาจำต้องพูดให้ชัดเจนลงไปว่าจะทำร้ายผู้เสียหายหากไม่ส่งมอบทรัพย์สินให้แต่อย่างใดไม่ และการที่จำเลยดึงแขนเสื้อผู้เสียหายในสถานการณ์ที่รถจักรยานยนต์ประกบ
ตีคู่กันอยู่เช่นนั้น จำเลยย่อมเล็งเห็นได้ว่าผู้เสียหายซึ่งอยู่ในภาวะตกใจอาจไม่สามารถ
ประทุษร้ายผู้เสียหายอีก การที่ควบคุมรถจักรยานยนต์และเสียหลักล้มลงเป็นเหตุให้รับบาดเจ็บได้ กรณีจึงหาใช่เป็นกรณีจึงหาใช่เป็นเพียงอุบัติเหตุ

นอกจากนั้น เมื่อผู้เสียหายกำลังจะวิ่งหนี จำเลยก็ใช้กำลังกายเข้ากอดรัด
ผู้เสียหายจากทางด้านหลังไว้แล้วค้นหาทรัพย์สินในตัวผู้เสียหายอันเป็นการใช้กำลังการที่จำเลยลักทรัพย์เอากระเป๋าผ้าใส่เงินของผู้เสียหายไปโดยพฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่ามีการใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายอันเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ตาม ป.อ. มาตรา ๓๓๙ แล้ว หาใช่เป็นเพียงการวิ่งราวทรัพย์

Facebook Comments