ฟ้องหย่า การเริ่มต้นฟ้องคดีต้องทำอย่างไรบ้าง
การฟ้องหย่า จะต้องเริ่มต้นคดีอย่างไร เหตุหย่าตามกฎหมายมีอะไรบ้าง การจ้างหรือใช้ทนายความในการดำเนินการให้ มีค่าใช้จ่ายจะสูงหรือเปล่า จะต้องเตรียมเอกสารและพยานหลักฐานใดอะไรบ้าง จะต้องมีพยานไหมต้องมีกี่คนอย่างไร ต้องขึ้นศาลกี่ครั้ง ใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะได้ใบหย่า มีขั้นตอนหลังจากการได้คำพิพากษาแล้วนำไปจดทะเบียนหย่าอย่างไรต้องทำอะไรบ้าง
คำถามเล่านี้มักเกิดกับทุกคนที่ต้องการดำเนินคดีฟ้องหย่า ทีมงานทนายกฤษดา จะขออนุญาตจะมาตอบคำถามทุกคำถามที่คุณอยากจะรู้ ในการฟ้องหย่า พร้อมอธิบายขั้นตอนวิธีการอย่างละเอียดครับ
เหตุฟ้องหย่ามีอะไรบ้าง ฟ้องได้หรือไม่ สรุปสั้นมีเหตุอะไรบ้าง
สรุปง่ายๆ เหตุฟ้องหย่าตามกฎหมายของบ้านเรานั้น มีอยู่ด้วยกัน 10 ประการ ทีมงานทนายกฤษดา ขออนุญาตสรุปเป็นเหตุง่ายๆดังนี้
1ยกย่องหญิงอื่น เป็นชู้หรือมีชู้
2ประพฤติชั่ว
3.ทำร้ายร่างกายหรือทรมานจิตใจ หมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามบุพพากรี
4.จงใจทิ้งร้างเกินหนึ่งปี /ต้องคำพิพากษาจำคุก /สมัครใจแยกกันอยู่เกิน 3 ปี
5.ถูกศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญ
6.ไม่ช่วยเหลืออุปการะ หรือกระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยา
7วิกลจริต
8ผิดฑัณณ์บนที่ตกลงกัน
9.เป็นโรคติดต่ออย่างร้ายแรง
10 ไม่อาจร่วมประเวณีได้ตลอดกาล
รายละเอียดที่ตัวบทกฎหมายนิยามไว้
ทีมงานทนายกฤษดาขอสรุป ซึ่งมีรายละเอียดที่ระบุในกฎหมายอยู่ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ อยู่ในมาตรา 1516 เหตุฟ้องหย่ามีดังต่อไปนี้
(1) สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้หรือมีชู้ หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(2) สามีหรือภริยาประพฤติชั่ว ไม่ว่าความประพฤติชั่วนั้นจะเป็นความผิดอาญาหรือไม่ ถ้าเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่ง
(ก) ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง
(ข) ได้รับความดูถูกเกลียดชังเพราะเหตุที่คงเป็นสามีหรือภริยาของฝ่ายที่ประพฤติชั่วอยู่ต่อไป หรือ
(ค) ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควร ในเมื่อเอาสภาพ ฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบ
อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(3) สามีหรือภริยาทำร้าย หรือทรมานร่างกายหรือจิตใจ หรือหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่งหรือบุพการีของอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ ถ้าเป็นการร้ายแรง อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(4) สามีหรือภริยาจงใจละทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่งไปเกินหนึ่งปี อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(4/1) สามีหรือภริยาต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก และได้ถูกจำคุกเกินหนึ่งปีในความผิดที่อีกฝ่ายหนึ่งมิได้มีส่วนก่อให้เกิดการกระทำความผิดหรือยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดนั้นด้วย และการเป็นสามีภริยากันต่อไปจะเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งได้รับความเสียหายหรือเดือนร้อนเกินควร อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(4/2) สามีและภริยาสมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุขตลอดมาเกินสามปี หรือแยกกันอยู่ตามคำสั่งของศาลเป็นเวลาเกินสามปี ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(5) สามีหรือภริยาถูกศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญ หรือไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่เป็นเวลาเกินสามปีโดยไม่มีใครทราบแน่ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(6) สามีหรือภริยาไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่งตามสมควรหรือทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีหรือภริยากันอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ ถ้าการกระทำนั้นถึงขนาดที่อีกฝ่ายหนึ่งเดือดร้อนเกินควรในเมื่อเอาสภาพ ฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(7) สามีหรือภริยาวิกลจริตตลอดมาเกินสามปี และความวิกลจริตนั้นมีลักษณะยากจะหายได้ กับทั้งความวิกลจริตถึงขนาดที่จะทนอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาต่อไปไม่ได้ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(8) สามีหรือภริยาผิดทัณฑ์บนที่ทำให้ไว้เป็นหนังสือในเรื่องความประพฤติ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(9) สามีหรือภริยาเป็นโรคติดต่ออย่างร้ายแรงอันอาจเป็นภัยแก่อีกฝ่ายหนึ่งและโรคมีลักษณะเรื้อรังไม่มีทางที่จะหายได้ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(10) สามีหรือภริยามีสภาพแห่งกายทำให้สามีหรือภริยานั้นไม่อาจร่วมประเวณีได้ตลอดกาล อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
เหตุฟ้องหย่าแต่ละมาตรานั้น มีแนวคำพิพากษา มีหลักเกณฑ์ ข้อยกเว้นที่แตกต่างกันไป ซึ่งเมื่อพิจารณาตามข้อกฎหมายแล้วต้องพิจารณาและปรึกษาทนายความว่าควรใช้เหตุใดในการปรับข้อเท็จจริงเข้าฟ้องหย่า
ดังนั้น เหตุการณ์ของท่าน จะสามารถฟ้องหย่าตามกฎหมายได้หรือไม่ เป็นเรื่องที่ทนายความจะต้องสอบข้อเท็จจากท่านโดยละเอียด เพื่อวินิจฉัยเข้ากับข้อกฎหมาย จึงจะได้คำตอบที่ถูกต้องชัดเจนที่สุด
มีปัญหาคดีความปรึกษาทีมงานทนายกฤษดา
โทร 089-142-7773 ไลน์ไอดี @lawyers.in.th