คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๔๑๙๗/๒๕๖๔
เรื่อง ทางจำเป็น ภาระจำยอม
แม้โจทก์สามารถเข้าออกผ่านที่ดินของนาง ข. โดยนาง ข. ยินยอมให้ผ่านได้ก็มิใช่เป็นสิทธิตามกฎหมาย ต้องถือว่าที่ดินของโจทก์ไม่มีทางเข้าออกสู่ทางสาธารณะได้ ทั้งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๔๙ และมาตรา ๑๓๕๐หาได้กำหนดถึงการสิ้นสิทธิเรียกร้องเอาทางเดินผ่านไว้แต่อย่างใด ดังนั้น แม้โจทก์และบริวารจะได้ใช้ที่ดินของนาง ข.เป็นทางออกสู่สาธารณะก็หาทำให้สิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่จะเอาทางเดินผ่านที่ดินของจำเลยทั้งสามที่ได้แบ่งแยกหรือแบ่งโอนจากที่ดินแปลงเดียวกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๕๐ หมดไปไม่ อย่างไรก็ดี มาตรา ๑๓๔๙ วรรคสามบัญญัติว่า “ที่และวิธีทำทางผ่านนั้นต้องเลือกให้พอควรแก่ความจำเป็นของผู้มีสิทธิจะผ่าน กับทั้งให้คำนึงถึงที่ดินที่ล้อมอยู่ให้เสียหายแต่น้อยที่สุดที่จะเป็นไปได้…” ซึ่งเมื่อพิจารณาสภาพบ้าน สิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ และสิ่งของต่าง ๆ ที่อยู่บริเวณบ้านในที่ดินของจำเลยทั้งสามแล้ว ก็ปรากฎว่าจำเลยทั้งสามใช้ทางพิพาทเป็นที่อยู่อาศัยในบริเวณบ้าน โดยมีสิ่งปลูกสร้างและชายคาบ้านตลอดจนวางสิ่งของต่าง ๆ จนไม่มีสภาพเป็นทางกว่าสิบปีแล้ว หากเปิดทางพิพาทเป็นทางจำเป็นย่อมทำให้ จำเลยทั้งสามเดือดร้อนและเสียหายเป็นอย่างมากเพราะต้องรื้อรั้วและสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ทั้งทางพิพาทก็อยู่ใกล้ตัวบ้านมากย่อมกระทบถึงความเป็นอยู่ในการดำรงชีพ ทั้งอาจเป็นอันตรายไได้รับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินได้ การที่โจทก์ขอเปิดทางพิพาทในที่ดินของจำเลยทั้งสามเป็นทางจำเป็น จึงไม่ใช่เป็นเรื่องที่ทำให้ที่ดินที่ล้อมอยู่เสียหายน้อยที่สุด หากแต่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยทั้งสาม ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่ล้อมอยู่มากเกินกว่าความจำเป็นของโจทก์ที่มีสิทธิจะผ่าน โจทก์จึงไม่มีสิทธิขอเปิดทางพิพาทในที่ดินของจำเลยทั้งสามเป็นทางจำเป็น