ฟ้องหย่า ฟ้องหย่าชาวต่างชาติ แบบสรุปจบ ครบที่เดียว
การฟ้องหย่า
การฟ้องหย่าเป็นกระบวนการทางกฎหมายที่คู่สมรสฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหรือทั้งสองฝ่ายประสงค์จะยุติความสัมพันธ์ฉันสามีภริยาตามกฎหมาย โดยต้องยื่นฟ้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจพิจารณาคดี
เหตุฟ้องหย่า
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516 กำหนดเหตุฟ้องหย่าไว้ 10 ประการ ดังนี้
- สามีหรือภริยาได้กระทำความผิดอาญาฐานใดฐานหนึ่ง ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไป โดยได้กระทำลงต่ออีกฝ่ายหนึ่ง หรือต่อบุตรของอีกฝ่ายหนึ่งหรือบุตรของทั้งสองฝ่าย
ตัวอย่าง สามีมีพฤติกรรมทำร้ายร่างกายภรรยาเป็นประจำ หรือสามีเคยมีประวัติอาชญากรรม เช่น ลักทรัพย์ หรือยาเสพติด
- สามีหรือภริยาได้ประพฤติชั่ว อันเป็นการเสียเกียรติหรือศักดิ์ศรีของอีกฝ่ายหนึ่ง
ตัวอย่าง สามีมีพฤติกรรมนอกใจภรรยา หรือภริยามีพฤติกรรมติดการพนัน
- สามีหรือภริยาได้ทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่งเกินกว่า 1 ปี
ตัวอย่าง สามีออกไปทำงานต่างจังหวัดแล้วไม่ยอมกลับมาหาภรรยา หรือภริยาออกจากบ้านไปโดยไม่บอกกล่าวสามี
- สามีหรือภริยาได้เป็นโรคติดต่อร้ายแรงอันอาจเป็นภัยต่ออีกฝ่ายหนึ่ง
ตัวอย่าง สามีเป็นโรคเอดส์ หรือภริยาเป็นโรคหิด
- สามีหรือภริยาได้สูญหายเกินกว่า 3 ปี โดยไม่มีเหตุอันควร
ตัวอย่าง สามีออกไปทำงานต่างประเทศแล้วไม่ได้กลับมาเป็นเวลานาน หรือภริยาหายตัวไปโดยไม่มีใครทราบสาเหตุ
- สามีหรือภริยาได้ถูกศาลพิพากษาถึงที่สุดให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ
ตัวอย่าง สามีหรือภริยาป่วยเป็นโรคจิต หรือภริยาประสบอุบัติเหตุจนไม่สามารถประกอบอาชีพได้
- สามีหรือภริยาได้จงใจละทิ้งหน้าที่ในการครองเรือนหรือหน้าที่ในการเลี้ยงดูบุตร
ตัวอย่าง สามีไม่ทำงานและไม่ได้ช่วยดูแลครอบครัว หรือภริยาไม่ดูแลลูก
- สามีหรือภริยาได้ยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจให้อีกฝ่ายหนึ่งกระทำการอันเป็นเหตุให้หย่าขาด
ตัวอย่าง สามีให้ภรรยาไปมีชู้ หรือภริยายินยอมให้สามีไปมีภรรยาน้อย
- สามีหรือภริยาได้ผิดทัณฑ์บนซึ่งฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้ทำขึ้นเพื่อระงับข้อพิทักษ์ระหว่างกัน
ตัวอย่าง สามีทำทัณฑ์บนว่าจะไม่ติดการพนัน แต่กลับไปติดการพนันอีก
- สามีหรือภริยาได้สมัครเข้ารับราชการทหารและได้ถูกเกณฑ์ไปประจำการที่ต่างประเทศเกินกว่า 3 ปี
ตัวอย่าง สามีเป็นทหารเกณฑ์และถูกส่งไปประจำการที่ต่างประเทศเป็นเวลานาน
ขั้นตอนการฟ้องหย่า
การฟ้องหย่ามีขั้นตอนการดำเนินการ ดังนี้
- เตรียมเอกสารหลักฐาน
เอกสารหลักฐานที่ต้องเตรียมในการฟ้องหย่า มีดังนี้
- ใบสำคัญการสมรส
- ทะเบียนบ้านที่สามี-ภรรยา และบุตรพักอาศัยอยู่ด้วยกัน
- บัตรประจำตัวประชาชน สามี-ภรรยา
- ยื่นฟ้องต่อศาล
ผู้ฟ้องหย่าต้องยื่นฟ้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจพิจารณาคดี โดยยื่นฟ้องต่อศาลชั้นต้นที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาล หรือศาลที่มูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาล
- ศาลพิจารณาคดี
เมื่อศาลได้รับคำฟ้องแล้ว ศาลจะนัดคู่ความทั้ง 2 ฝ่ายมาศาลเพื่อไกล่เกลี่ย หากคู่ความทั้ง 2 ฝ่ายสามารถตกลงกันได้ ศาลจะบันทึกคำตกลงไว้เป็นหลักฐาน หากคู่ความทั้ง 2 ฝ่ายไม่สามารถตกลงกันได้ ศาลจะดำเนินกระบวนพิจารณาคดีต่อไป
- ศาลพิพากษา
เมื่อศาลพิจารณาคดีเสร็จแล้ว ศาลจะมีคำพิพากษาให้คู่สมรสทั้งสองฝ่ายหย่าขาดกันหรือไม่
การร้องขอสิทธิและหน้าที่ในการเลี้ยงดูบุตร
นอกจากการฟ้องหย่าแล้ว คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ในการเลี้ยงดูบุตรด้วย โดยคำร้องขอสิทธิและหน้าที่ในการเลี้ยงดูบุตรนั้น คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องยื่นต่อศาลชั้นต้นที่พิจารณาคดีหย่า
สิทธิและหน้าที่ในการเลี้ยงดูบุตรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1586 กำหนดไว้ว่า บิดาและมารดาย่อมมีสิทธิและหน้าที่ร่วมกันในการเลี้ยงดูบุตร เว้นแต่ศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
ในการกำหนดสิทธิและหน้าที่ในการเลี้ยงดูบุตรนั้น ศาล
หตุฟ้องหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516 กำหนดไว้ 12 เหตุ ดังนี้
- สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้หรือมีชู้หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
เหตุฟ้องหย่าข้อนี้ เป็นการประพฤตินอกใจคู่สมรส โดยไปมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้อื่นจนเป็นการทำลายความมั่นคงของครอบครัว
- สามีหรือภริยาได้กระทำความผิดอาญาฐานใดฐานหนึ่ง ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไป โดยได้กระทำลงต่ออีกฝ่ายหนึ่ง หรือต่อบุตรของอีกฝ่ายหนึ่งหรือบุตรของทั้งสองฝ่าย
เหตุฟ้องหย่าข้อนี้ เป็นการที่ผู้เป็นสามีหรือภริยาได้กระทำความผิดอาญาที่ร้ายแรง เช่น ทำร้ายร่างกาย ฆ่าผู้อื่น เป็นต้น
- สามีหรือภริยาได้ประพฤติชั่ว อันเป็นการเสียเกียรติหรือศักดิ์ศรีของอีกฝ่ายหนึ่ง
เหตุฟ้องหย่าข้อนี้ เป็นการที่ผู้เป็นสามีหรือภริยามีพฤติกรรมที่ผิดศีลธรรมหรือขัดต่อขนบธรรมเนียมประเพณี เช่น เล่นการพนัน เสพยาเสพติด เป็นต้น
- สามีหรือภริยาได้ทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่งเกินกว่า 1 ปี
เหตุฟ้องหย่าข้อนี้ เป็นการที่ผู้เป็นสามีหรือภริยาแยกไปจากคู่สมรสโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้าและไม่กลับมาหาคู่สมรสเป็นเวลานาน
- สามีหรือภริยาได้เป็นโรคติดต่อร้ายแรงอันอาจเป็นภัยต่ออีกฝ่ายหนึ่ง
เหตุฟ้องหย่าข้อนี้ เป็นการที่ผู้เป็นสามีหรือภริยาป่วยเป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่อาจเป็นอันตรายต่อคู่สมรส เช่น โรคเอดส์ โรคซิฟิลิส เป็นต้น
- สามีหรือภริยาได้สูญหายเกินกว่า 3 ปี โดยไม่มีเหตุอันควร
เหตุฟ้องหย่าข้อนี้ เป็นการที่ผู้เป็นสามีหรือภริยาหายตัวไปโดยไม่ปรากฏตัวเป็นเวลานาน 3 ปี โดยไม่มีเหตุอันควร
- สามีหรือภริยาได้ถูกศาลพิพากษาถึงที่สุดให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ
เหตุฟ้องหย่าข้อนี้ เป็นการที่ผู้เป็นสามีหรือภริยาไม่สามารถใช้สิทธิและหน้าที่ของตนได้ เช่น ป่วยจิต เป็นต้น
- สามีหรือภริยาได้จงใจละทิ้งหน้าที่ในการครองเรือนหรือหน้าที่ในการเลี้ยงดูบุตร
เหตุฟ้องหย่าข้อนี้ เป็นการที่ผู้เป็นสามีหรือภริยาละเลยหน้าที่ในการครองเรือนหรือหน้าที่ในการเลี้ยงดูบุตร เช่น ไม่ทำงาน ไม่ดูแลครอบครัว เป็นต้น
- สามีหรือภริยาได้ยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจให้อีกฝ่ายหนึ่งกระทำการอันเป็นเหตุให้หย่าขาด
เหตุฟ้องหย่าข้อนี้ เป็นการที่ผู้เป็นสามีหรือภริยายินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจให้อีกฝ่ายหนึ่งกระทำการอันเป็นเหตุให้หย่าขาด เช่น ยินยอมให้อีกฝ่ายหนึ่งมีชู้ เป็นต้น
- สามีหรือภริยาได้ผิดทัณฑ์บนซึ่งฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้ทำขึ้นเพื่อระงับข้อพิทักษ์ระหว่างกัน
เหตุฟ้องหย่าข้อนี้ เป็นการที่ผู้เป็นสามีหรือภริยาไม่ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ทำขึ้นเพื่อยุติข้อพิพาทระหว่างกัน เช่น สัญญาว่าจะไม่ติดการพนัน เป็นต้น
- สามีหรือภริยาได้สมัครเข้ารับราชการทหารและได้ถูกเกณฑ์ไปประจำการที่ต่างประเทศเกินกว่า 3 ปี
เหตุฟ้องหย่าข้อนี้ เป็นการที่ผู้เป็นสามีหรือภริยาต้องเดินทางไปประจำการที่ต่างประเทศเป็นเวลานาน 3 ปี โดยไม่มีกำหนดกลับ
- สามีหรือภริยาได้กระทำการใด ๆ อันเป็นการทารุณจิตใจหรือร่างกายอีกฝ่ายหนึ่ง อันเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง
เหตุฟ้องหย่าข้อนี้ เป็นการที่ผู้เป็นสามีหรือภริยาทำร้ายร่างกายหรือจิตใจคู่สมรสอย่างรุนแรงจนทำให้คู่สมรสได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง
ข้อยกเว้นเหตุฟ้องหย่า
เหตุฟ้องหย่าบางประการอาจมีข้อยกเว้นไม่ให้นำมาอ้างได้ ดังนี้
- เหตุฟ้องหย่าตามข้อ 1 นั้น จะไม่อาจนำมาอ้างได้หากฝ่ายที่กระทำความผิดนั้นได้ตายหรือได้รับการอภัยโทษ
- เหตุฟ้องหย่าตามข้อ 2 นั้น จะไม่อาจนำมาอ้างได้หากความผิดนั้นได้กระทำขึ้นก่อนวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2478
- เหตุฟ้องหย่าตามข้อ 4 นั้น จะไม่อาจนำมาอ้างได้หากฝ่ายที่ทิ้งร้างนั้นได้กลับคืนสู่ครอบครัว
ฟ้องหย่าใช้เงินเท่าไหร่
ค่าธรรมเนียมในการฟ้องหย่า ประกอบด้วยค่าขึ้นศาล และค่านำส่งหมายเรียกจำเลย
- ค่าขึ้นศาล คดีละ 200 บาท (คดีแพ่งธรรมดา)
- ค่านำส่งหมายเรียกจำเลย ประมาณ 500 – 700 บาท
นอกจากนี้ คู่สมรสฝ่ายที่ประสงค์จะฟ้องหย่าอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มเติม ดังนี้
- ค่าทนายความ
- ค่าเดินทาง ค่าเช่าที่พัก ค่ากินอยู่ ระหว่างไปศาล
- ค่าสืบพยาน หากมีการสืบพยาน
ค่าทนายความอาจมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความยุ่งยากของคดี และประสบการณ์ของทนายความ โดยค่าทนายความอาจอยู่ที่ประมาณ 5,000 – 100,000 บาท
ค่าเดินทาง ค่าเช่าที่พัก ค่ากินอยู่ ระหว่างไปศาล ขึ้นอยู่กับระยะทางและระยะเวลาที่ต้องเดินทางไปศาล
ค่าสืบพยาน ขึ้นอยู่กับจำนวนพยาน และค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปศาลของพยาน
ดังนั้น ค่าใช้จ่ายในการฟ้องหย่าโดยประมาณอาจอยู่ที่ประมาณ 2,500 – 150,000 บาท ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น
วิธีการฟ้องหย่ามีดังนี้
- เตรียมเอกสารหลักฐาน
เอกสารหลักฐานที่ต้องเตรียมในการฟ้องหย่า มีดังนี้
- ใบสำคัญการสมรส
- ทะเบียนบ้านที่สามี-ภรรยา และบุตรพักอาศัยอยู่ด้วยกัน
- บัตรประจำตัวประชาชน สามี-ภรรยา
นอกจากนี้ คู่สมรสฝ่ายที่ประสงค์จะฟ้องหย่าอาจต้องเตรียมเอกสารหลักฐานอื่นๆ เพิ่มเติม ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงของคดี เช่น
- หนังสือรับรองการหย่าร้างจากต่างประเทศ (หากเป็นการฟ้องหย่าสามีหรือภริยาชาวต่างชาติ)
- เอกสารเกี่ยวกับการทำร้ายร่างกายหรือจิตใจ (หากเป็นการฟ้องหย่าโดยอ้างเหตุฟ้องหย่าข้อ 8 หรือ 12)
- เอกสารเกี่ยวกับการมีชู้หรือประพฤติชั่ว (หากเป็นการฟ้องหย่าโดยอ้างเหตุฟ้องหย่าข้อ 1 หรือ 2)
- ยื่นฟ้องต่อศาล
คู่สมรสฝ่ายที่ประสงค์จะฟ้องหย่าสามารถยื่นฟ้องต่อศาลชั้นต้นที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาล หรือศาลที่มูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาล
คำฟ้องหย่าต้องระบุรายละเอียดต่างๆ ดังนี้
- ชื่อ นามสกุล ภูมิลำเนา อาชีพ ของคู่สมรสทั้งสองฝ่าย
- เหตุฟ้องหย่า
- ข้อเรียกร้องเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ในการเลี้ยงดูบุตร (หากมีบุตร)
- ชำระค่าธรรมเนียมศาล
คู่สมรสฝ่ายที่ประสงค์จะฟ้องหย่าต้องชำระค่าธรรมเนียมศาล ประกอบด้วยค่าขึ้นศาล และค่านำส่งหมายเรียกจำเลย
- ศาลนัดคู่ความมาศาล
เมื่อศาลได้รับคำฟ้องแล้ว ศาลจะนัดคู่ความทั้งสองฝ่ายมาศาลเพื่อไกล่เกลี่ย หากคู่ความทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงกันได้ ศาลจะบันทึกคำตกลงไว้เป็นหลักฐาน หากคู่ความทั้งสองฝ่ายไม่สามารถตกลงกันได้ ศาลจะดำเนินกระบวนพิจารณาคดีต่อไป
- ศาลพิจารณาคดี
ศาลจะพิจารณาคดีโดยเรียกพยานทั้งสองฝ่ายมาเบิกความ เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงของคดี
- ศาลมีคำพิพากษา
เมื่อศาลพิจารณาคดีเสร็จแล้ว ศาลจะมีคำพิพากษาให้คู่สมรสทั้งสองฝ่ายหย่าขาดกันหรือไม่
ระยะเวลาในการฟ้องหย่า
ระยะเวลาในการฟ้องหย่าอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ความยุ่งยากของคดี และปริมาณงานของศาล โดยระยะเวลาโดยประมาณอาจอยู่ที่ประมาณ 6 เดือน – 1 ปี
ฟ้องหย่าสามีมีชู้ฟ้องได้หรือไม่
ได้ สามีมีชู้ ภรรยาสามารถฟ้องหย่าได้ โดยอ้างเหตุฟ้องหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516 ข้อ 1 ว่า สามีอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้หรือมีชู้หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ
คำว่า “ชู้” หมายถึง บุคคลที่ไม่ใช่สามีหรือภริยาของคู่สมรสฝ่ายที่ฟ้องหย่า คำว่า “มีชู้” หมายถึง การมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดทางเพศกับผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากคู่สมรส โดยอาจเป็นการร่วมประเวณี หรือการสัมผัสเนื้อต้องตัวในทางชู้สาว
ในการฟ้องหย่ากรณีสามีมีชู้ ภรรยาจะต้องนำสืบให้ศาลเห็นว่าสามีมีชู้จริง โดยอาจนำสืบด้วยพยานบุคคล เช่น เพื่อนบ้าน ญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมงาน เป็นต้น หรือนำสืบด้วยเอกสารหลักฐาน เช่น ข้อความสนทนาทางโทรศัพท์ อีเมล แชท เป็นต้น
พยานบุคคลที่สามารถนำมาสืบในคดีนี้ เช่น
- เพื่อนบ้านที่เห็นสามีไปหาหญิงอื่นบ่อยๆ
- ญาติพี่น้องที่เห็นว่าสามีมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหญิงอื่น
- เพื่อนร่วมงานที่เห็นว่าสามีไปทำงานกับหญิงอื่นบ่อยๆ
เอกสารหลักฐานที่สามารถนำมาสืบในคดีนี้ เช่น
- ข้อความสนทนาทางโทรศัพท์หรืออีเมลระหว่างสามีกับหญิงอื่น
- รูปภาพหรือคลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นว่าสามีมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหญิงอื่น
- บัตรเข้าพักโรงแรมหรือที่พักอื่นๆ ของสามีและหญิงอื่น
หากศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าสามีมีชู้จริง ศาลจะมีคำพิพากษาให้คู่สมรสทั้งสองฝ่ายหย่าขาดกัน
นอกจากนี้ ภรรยายังสามารถเรียกร้องให้ศาลมีคำสั่งเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ในการเลี้ยงดูบุตร สิทธิในการครอบครองทรัพย์สินร่วมกัน และค่าทดแทนความเสียหายจากการหย่าร้างได้อีกด้วย
ตัวอย่างเช่น ภรรยาอาจเรียกร้องให้ศาลให้สิทธิในการเลี้ยงดูบุตรเพียงฝ่ายเดียว หรือให้ทั้งสองฝ่ายร่วมกันเลี้ยงดูบุตร ภรรยาอาจเรียกร้องให้ศาลให้สามีจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร หรือจ่ายค่าทดแทนความเสียหายจากการหย่าร้าง เป็นต้น
การฟ้องหย่าเป็นกระบวนการทางกฎหมายที่มีความสำคัญ ภรรยาที่ประสงค์จะฟ้องหย่าสามีมีชู้จึงควรปรึกษาทนายความเพื่อศึกษากฎหมายและเตรียมเอกสารหลักฐานให้ครบถ้วน เพื่อประโยชน์สูงสุดในการฟ้องหย่า
ฟ้องหย่า แยกกันอยู่
คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถฟ้องหย่าได้ หากแยกกันอยู่เกินกว่า 1 ปี โดยเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุข โดยไม่ต้องอ้างเหตุฟ้องหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516
การแยกกันอยู่เกินกว่า 1 ปี หมายถึง การแยกกันอยู่โดยไม่ได้อยู่ร่วมหลังคาเดียวกัน หรือไม่ได้ติดต่อสื่อสารกันเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี โดยเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุข
เหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุข อาจเป็นเพราะสาเหตุต่างๆ เช่น
- สามีหรือภริยามีพฤติกรรมที่รุนแรงหรือก้าวร้าว
- สามีหรือภริยามีภาวะทางจิตหรือสติปัญญาที่ผิดปกติ
- สามีหรือภริยามีโรคติดต่อร้ายแรง
- สามีหรือภริยามีอาชีพที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศเป็นเวลานาน
ในการฟ้องหย่ากรณีแยกกันอยู่ คู่สมรสฝ่ายที่ประสงค์จะฟ้องหย่าจะต้องนำสืบให้ศาลเห็นว่าได้แยกกันอยู่เกินกว่า 1 ปี โดยเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุข โดยอาจนำสืบด้วยพยานบุคคล เช่น เพื่อนบ้าน ญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมงาน เป็นต้น หรือนำสืบด้วยเอกสารหลักฐาน เช่น ทะเบียนบ้าน ใบสำคัญการสมรส เป็นต้น
พยานบุคคลที่สามารถนำมาสืบในคดีนี้ เช่น
- เพื่อนบ้านที่เห็นว่าคู่สมรสทั้งสองฝ่ายแยกกันอยู่
- ญาติพี่น้องที่เห็นว่าคู่สมรสทั้งสองฝ่ายแยกกันอยู่
- เพื่อนร่วมงานที่เห็นว่าคู่สมรสทั้งสองฝ่ายแยกกันอยู่
เอกสารหลักฐานที่สามารถนำมาสืบในคดีนี้ เช่น
- ทะเบียนบ้านที่แสดงว่าคู่สมรสทั้งสองฝ่ายแยกกันอยู่
- ใบสำคัญการสมรสที่แสดงว่าคู่สมรสทั้งสองฝ่ายแยกกันอยู่
- จดหมายหรือข้อความสนทนาทางโทรศัพท์หรืออีเมลระหว่างคู่สมรสทั้งสองฝ่ายที่แสดงให้เห็นว่าแยกกันอยู่
หากศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าคู่สมรสทั้งสองฝ่ายแยกกันอยู่เกินกว่า 1 ปี โดยเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุข ศาลจะมีคำพิพากษาให้คู่สมรสทั้งสองฝ่ายหย่าขาดกัน
นอกจากนี้ คู่สมรสฝ่ายที่ประสงค์จะฟ้องหย่ายังสามารถเรียกร้องให้ศาลมีคำสั่งเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ในการเลี้ยงดูบุตร สิทธิในการครอบครองทรัพย์สินร่วมกัน และค่าทดแทนความเสียหายจากการหย่าร้างได้อีกด้วย
ตัวอย่างเช่น คู่สมรสที่ประสงค์จะฟ้องหย่าอาจเรียกร้องให้ศาลให้สิทธิในการเลี้ยงดูบุตรเพียงฝ่ายเดียว หรือให้ทั้งสองฝ่ายร่วมกันเลี้ยงดูบุตร คู่สมรสที่ประสงค์จะฟ้องหย่าอาจเรียกร้องให้ศาลให้อีกฝ่ายหนึ่งจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร หรือจ่ายค่าทดแทนความเสียหายจากการหย่าร้าง เป็นต้น
การฟ้องหย่าเป็นกระบวนการทางกฎหมายที่มีความสำคัญ คู่สมรสที่ประสงค์จะฟ้องหย่าจึงควรปรึกษาทนายความเพื่อศึกษากฎหมายและเตรียมเอกสารหลักฐานให้ครบถ้วน เพื่อประโยชน์สูงสุดในการฟ้องหย่า
ฟ้องหย่าออนไลน์
การฟ้องหย่าออนไลน์ในประเทศไทย
ณ วันที่ 4 ธันวาคม 2566 ยังไม่มีบริการฟ้องหย่าออนไลน์ในประเทศไทย มีแต่เพียงการยื่นคดีผ่านระบบออนไลน์เนื่องจากกฎหมายไทยกำหนดให้กระบวนการฟ้องคดีจะต้องดำเนินการทางเอกสารและผ่านการพิจารณาของศาล โดยคู่สมรสที่ประสงค์จะฟ้องหย่าจะต้องไปยื่นฟ้องต่อศาลด้วยตัวเองหรือมอบอำนาจให้ทนายความดำเนินการแทน
อย่างไรก็ตาม คู่สมรสที่ประสงค์จะฟ้องหย่าสามารถเตรียมเอกสารหลักฐานต่างๆ เกี่ยวกับการฟ้องหย่าล่วงหน้าได้ เช่น ใบสำคัญการสมรส ทะเบียนบ้าน บัตรประจำตัวประชาชน เป็นต้น โดยสามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มต่างๆ ได้จากเว็บไซต์ของศาลยุติธรรม
นอกจากนี้ คู่สมรสที่ประสงค์จะฟ้องหย่ายังสามารถศึกษากฎหมายเกี่ยวกับการหย่าร้างได้ล่วงหน้า เพื่อเตรียมความพร้อมในการฟ้องหย่า เช่น ศึกษาประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516 เป็นต้น
อธิบายเพิ่มเติม
การฟ้องหย่าเป็นกระบวนการทางกฎหมายที่มีความสำ