Home คดีครอบครัว ฟ้องหย่า ฟ้องหย่าชาวต่างชาติ แบบสรุปจบ ครบที่เดียว

ฟ้องหย่า ฟ้องหย่าชาวต่างชาติ แบบสรุปจบ ครบที่เดียว

1258

ฟ้องหย่า ฟ้องหย่าชาวต่างชาติ แบบสรุปจบ ครบที่เดียว

การฟ้องหย่า

การฟ้องหย่าเป็นกระบวนการทางกฎหมายที่คู่สมรสฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหรือทั้งสองฝ่ายประสงค์จะยุติความสัมพันธ์ฉันสามีภริยาตามกฎหมาย โดยต้องยื่นฟ้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจพิจารณาคดี

เหตุฟ้องหย่า

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516 กำหนดเหตุฟ้องหย่าไว้ 10 ประการ ดังนี้

  1. สามีหรือภริยาได้กระทำความผิดอาญาฐานใดฐานหนึ่ง ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไป โดยได้กระทำลงต่ออีกฝ่ายหนึ่ง หรือต่อบุตรของอีกฝ่ายหนึ่งหรือบุตรของทั้งสองฝ่าย

ตัวอย่าง สามีมีพฤติกรรมทำร้ายร่างกายภรรยาเป็นประจำ หรือสามีเคยมีประวัติอาชญากรรม เช่น ลักทรัพย์ หรือยาเสพติด

  1. สามีหรือภริยาได้ประพฤติชั่ว อันเป็นการเสียเกียรติหรือศักดิ์ศรีของอีกฝ่ายหนึ่ง

ตัวอย่าง สามีมีพฤติกรรมนอกใจภรรยา หรือภริยามีพฤติกรรมติดการพนัน

  1. สามีหรือภริยาได้ทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่งเกินกว่า 1 ปี

ตัวอย่าง สามีออกไปทำงานต่างจังหวัดแล้วไม่ยอมกลับมาหาภรรยา หรือภริยาออกจากบ้านไปโดยไม่บอกกล่าวสามี

  1. สามีหรือภริยาได้เป็นโรคติดต่อร้ายแรงอันอาจเป็นภัยต่ออีกฝ่ายหนึ่ง

ตัวอย่าง สามีเป็นโรคเอดส์ หรือภริยาเป็นโรคหิด

  1. สามีหรือภริยาได้สูญหายเกินกว่า 3 ปี โดยไม่มีเหตุอันควร

ตัวอย่าง สามีออกไปทำงานต่างประเทศแล้วไม่ได้กลับมาเป็นเวลานาน หรือภริยาหายตัวไปโดยไม่มีใครทราบสาเหตุ

  1. สามีหรือภริยาได้ถูกศาลพิพากษาถึงที่สุดให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ

ตัวอย่าง สามีหรือภริยาป่วยเป็นโรคจิต หรือภริยาประสบอุบัติเหตุจนไม่สามารถประกอบอาชีพได้

  1. สามีหรือภริยาได้จงใจละทิ้งหน้าที่ในการครองเรือนหรือหน้าที่ในการเลี้ยงดูบุตร

ตัวอย่าง สามีไม่ทำงานและไม่ได้ช่วยดูแลครอบครัว หรือภริยาไม่ดูแลลูก

  1. สามีหรือภริยาได้ยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจให้อีกฝ่ายหนึ่งกระทำการอันเป็นเหตุให้หย่าขาด

ตัวอย่าง สามีให้ภรรยาไปมีชู้ หรือภริยายินยอมให้สามีไปมีภรรยาน้อย

  1. สามีหรือภริยาได้ผิดทัณฑ์บนซึ่งฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้ทำขึ้นเพื่อระงับข้อพิทักษ์ระหว่างกัน

ตัวอย่าง สามีทำทัณฑ์บนว่าจะไม่ติดการพนัน แต่กลับไปติดการพนันอีก

  1. สามีหรือภริยาได้สมัครเข้ารับราชการทหารและได้ถูกเกณฑ์ไปประจำการที่ต่างประเทศเกินกว่า 3 ปี

ตัวอย่าง สามีเป็นทหารเกณฑ์และถูกส่งไปประจำการที่ต่างประเทศเป็นเวลานาน

       ขั้นตอนการฟ้องหย่า

การฟ้องหย่ามีขั้นตอนการดำเนินการ ดังนี้

  1. เตรียมเอกสารหลักฐาน

เอกสารหลักฐานที่ต้องเตรียมในการฟ้องหย่า มีดังนี้

  • ใบสำคัญการสมรส
  • ทะเบียนบ้านที่สามี-ภรรยา และบุตรพักอาศัยอยู่ด้วยกัน
  • บัตรประจำตัวประชาชน สามี-ภรรยา
  1. ยื่นฟ้องต่อศาล

ผู้ฟ้องหย่าต้องยื่นฟ้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจพิจารณาคดี โดยยื่นฟ้องต่อศาลชั้นต้นที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาล หรือศาลที่มูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาล

  1. ศาลพิจารณาคดี

เมื่อศาลได้รับคำฟ้องแล้ว ศาลจะนัดคู่ความทั้ง 2 ฝ่ายมาศาลเพื่อไกล่เกลี่ย หากคู่ความทั้ง 2 ฝ่ายสามารถตกลงกันได้ ศาลจะบันทึกคำตกลงไว้เป็นหลักฐาน หากคู่ความทั้ง 2 ฝ่ายไม่สามารถตกลงกันได้ ศาลจะดำเนินกระบวนพิจารณาคดีต่อไป

  1. ศาลพิพากษา

เมื่อศาลพิจารณาคดีเสร็จแล้ว ศาลจะมีคำพิพากษาให้คู่สมรสทั้งสองฝ่ายหย่าขาดกันหรือไม่

การร้องขอสิทธิและหน้าที่ในการเลี้ยงดูบุตร

นอกจากการฟ้องหย่าแล้ว คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ในการเลี้ยงดูบุตรด้วย โดยคำร้องขอสิทธิและหน้าที่ในการเลี้ยงดูบุตรนั้น คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องยื่นต่อศาลชั้นต้นที่พิจารณาคดีหย่า

สิทธิและหน้าที่ในการเลี้ยงดูบุตรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1586 กำหนดไว้ว่า บิดาและมารดาย่อมมีสิทธิและหน้าที่ร่วมกันในการเลี้ยงดูบุตร เว้นแต่ศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

ในการกำหนดสิทธิและหน้าที่ในการเลี้ยงดูบุตรนั้น ศาล

หตุฟ้องหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516 กำหนดไว้ 12 เหตุ ดังนี้

  1. สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้หรือมีชู้หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้

เหตุฟ้องหย่าข้อนี้ เป็นการประพฤตินอกใจคู่สมรส โดยไปมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้อื่นจนเป็นการทำลายความมั่นคงของครอบครัว

  1. สามีหรือภริยาได้กระทำความผิดอาญาฐานใดฐานหนึ่ง ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไป โดยได้กระทำลงต่ออีกฝ่ายหนึ่ง หรือต่อบุตรของอีกฝ่ายหนึ่งหรือบุตรของทั้งสองฝ่าย

เหตุฟ้องหย่าข้อนี้ เป็นการที่ผู้เป็นสามีหรือภริยาได้กระทำความผิดอาญาที่ร้ายแรง เช่น ทำร้ายร่างกาย ฆ่าผู้อื่น เป็นต้น

  1. สามีหรือภริยาได้ประพฤติชั่ว อันเป็นการเสียเกียรติหรือศักดิ์ศรีของอีกฝ่ายหนึ่ง

เหตุฟ้องหย่าข้อนี้ เป็นการที่ผู้เป็นสามีหรือภริยามีพฤติกรรมที่ผิดศีลธรรมหรือขัดต่อขนบธรรมเนียมประเพณี เช่น เล่นการพนัน เสพยาเสพติด เป็นต้น

  1. สามีหรือภริยาได้ทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่งเกินกว่า 1 ปี

เหตุฟ้องหย่าข้อนี้ เป็นการที่ผู้เป็นสามีหรือภริยาแยกไปจากคู่สมรสโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้าและไม่กลับมาหาคู่สมรสเป็นเวลานาน

  1. สามีหรือภริยาได้เป็นโรคติดต่อร้ายแรงอันอาจเป็นภัยต่ออีกฝ่ายหนึ่ง

เหตุฟ้องหย่าข้อนี้ เป็นการที่ผู้เป็นสามีหรือภริยาป่วยเป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่อาจเป็นอันตรายต่อคู่สมรส เช่น โรคเอดส์ โรคซิฟิลิส เป็นต้น

  1. สามีหรือภริยาได้สูญหายเกินกว่า 3 ปี โดยไม่มีเหตุอันควร

เหตุฟ้องหย่าข้อนี้ เป็นการที่ผู้เป็นสามีหรือภริยาหายตัวไปโดยไม่ปรากฏตัวเป็นเวลานาน 3 ปี โดยไม่มีเหตุอันควร

  1. สามีหรือภริยาได้ถูกศาลพิพากษาถึงที่สุดให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ

เหตุฟ้องหย่าข้อนี้ เป็นการที่ผู้เป็นสามีหรือภริยาไม่สามารถใช้สิทธิและหน้าที่ของตนได้ เช่น ป่วยจิต เป็นต้น

  1. สามีหรือภริยาได้จงใจละทิ้งหน้าที่ในการครองเรือนหรือหน้าที่ในการเลี้ยงดูบุตร

เหตุฟ้องหย่าข้อนี้ เป็นการที่ผู้เป็นสามีหรือภริยาละเลยหน้าที่ในการครองเรือนหรือหน้าที่ในการเลี้ยงดูบุตร เช่น ไม่ทำงาน ไม่ดูแลครอบครัว เป็นต้น

  1. สามีหรือภริยาได้ยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจให้อีกฝ่ายหนึ่งกระทำการอันเป็นเหตุให้หย่าขาด

เหตุฟ้องหย่าข้อนี้ เป็นการที่ผู้เป็นสามีหรือภริยายินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจให้อีกฝ่ายหนึ่งกระทำการอันเป็นเหตุให้หย่าขาด เช่น ยินยอมให้อีกฝ่ายหนึ่งมีชู้ เป็นต้น

  1. สามีหรือภริยาได้ผิดทัณฑ์บนซึ่งฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้ทำขึ้นเพื่อระงับข้อพิทักษ์ระหว่างกัน

เหตุฟ้องหย่าข้อนี้ เป็นการที่ผู้เป็นสามีหรือภริยาไม่ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ทำขึ้นเพื่อยุติข้อพิพาทระหว่างกัน เช่น สัญญาว่าจะไม่ติดการพนัน เป็นต้น

  1. สามีหรือภริยาได้สมัครเข้ารับราชการทหารและได้ถูกเกณฑ์ไปประจำการที่ต่างประเทศเกินกว่า 3 ปี

เหตุฟ้องหย่าข้อนี้ เป็นการที่ผู้เป็นสามีหรือภริยาต้องเดินทางไปประจำการที่ต่างประเทศเป็นเวลานาน 3 ปี โดยไม่มีกำหนดกลับ

  1. สามีหรือภริยาได้กระทำการใด ๆ อันเป็นการทารุณจิตใจหรือร่างกายอีกฝ่ายหนึ่ง อันเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง

เหตุฟ้องหย่าข้อนี้ เป็นการที่ผู้เป็นสามีหรือภริยาทำร้ายร่างกายหรือจิตใจคู่สมรสอย่างรุนแรงจนทำให้คู่สมรสได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง

ข้อยกเว้นเหตุฟ้องหย่า

เหตุฟ้องหย่าบางประการอาจมีข้อยกเว้นไม่ให้นำมาอ้างได้ ดังนี้

  • เหตุฟ้องหย่าตามข้อ 1 นั้น จะไม่อาจนำมาอ้างได้หากฝ่ายที่กระทำความผิดนั้นได้ตายหรือได้รับการอภัยโทษ
  • เหตุฟ้องหย่าตามข้อ 2 นั้น จะไม่อาจนำมาอ้างได้หากความผิดนั้นได้กระทำขึ้นก่อนวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2478
  • เหตุฟ้องหย่าตามข้อ 4 นั้น จะไม่อาจนำมาอ้างได้หากฝ่ายที่ทิ้งร้างนั้นได้กลับคืนสู่ครอบครัว

ฟ้องหย่าใช้เงินเท่าไหร่

ค่าธรรมเนียมในการฟ้องหย่า ประกอบด้วยค่าขึ้นศาล และค่านำส่งหมายเรียกจำเลย

  • ค่าขึ้นศาล คดีละ 200 บาท (คดีแพ่งธรรมดา)
  • ค่านำส่งหมายเรียกจำเลย ประมาณ 500 – 700 บาท

นอกจากนี้ คู่สมรสฝ่ายที่ประสงค์จะฟ้องหย่าอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มเติม ดังนี้

  • ค่าทนายความ
  • ค่าเดินทาง ค่าเช่าที่พัก ค่ากินอยู่ ระหว่างไปศาล
  • ค่าสืบพยาน หากมีการสืบพยาน

ค่าทนายความอาจมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความยุ่งยากของคดี และประสบการณ์ของทนายความ โดยค่าทนายความอาจอยู่ที่ประมาณ 5,000 – 100,000 บาท

ค่าเดินทาง ค่าเช่าที่พัก ค่ากินอยู่ ระหว่างไปศาล ขึ้นอยู่กับระยะทางและระยะเวลาที่ต้องเดินทางไปศาล

ค่าสืบพยาน ขึ้นอยู่กับจำนวนพยาน และค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปศาลของพยาน

ดังนั้น ค่าใช้จ่ายในการฟ้องหย่าโดยประมาณอาจอยู่ที่ประมาณ 2,500 – 150,000 บาท ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น

วิธีการฟ้องหย่ามีดังนี้

  1. เตรียมเอกสารหลักฐาน

เอกสารหลักฐานที่ต้องเตรียมในการฟ้องหย่า มีดังนี้

  • ใบสำคัญการสมรส
  • ทะเบียนบ้านที่สามี-ภรรยา และบุตรพักอาศัยอยู่ด้วยกัน
  • บัตรประจำตัวประชาชน สามี-ภรรยา

นอกจากนี้ คู่สมรสฝ่ายที่ประสงค์จะฟ้องหย่าอาจต้องเตรียมเอกสารหลักฐานอื่นๆ เพิ่มเติม ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงของคดี เช่น

  • หนังสือรับรองการหย่าร้างจากต่างประเทศ (หากเป็นการฟ้องหย่าสามีหรือภริยาชาวต่างชาติ)
  • เอกสารเกี่ยวกับการทำร้ายร่างกายหรือจิตใจ (หากเป็นการฟ้องหย่าโดยอ้างเหตุฟ้องหย่าข้อ 8 หรือ 12)
  • เอกสารเกี่ยวกับการมีชู้หรือประพฤติชั่ว (หากเป็นการฟ้องหย่าโดยอ้างเหตุฟ้องหย่าข้อ 1 หรือ 2)
  1. ยื่นฟ้องต่อศาล

คู่สมรสฝ่ายที่ประสงค์จะฟ้องหย่าสามารถยื่นฟ้องต่อศาลชั้นต้นที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาล หรือศาลที่มูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาล

คำฟ้องหย่าต้องระบุรายละเอียดต่างๆ ดังนี้

  • ชื่อ นามสกุล ภูมิลำเนา อาชีพ ของคู่สมรสทั้งสองฝ่าย
  • เหตุฟ้องหย่า
  • ข้อเรียกร้องเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ในการเลี้ยงดูบุตร (หากมีบุตร)
  1. ชำระค่าธรรมเนียมศาล

คู่สมรสฝ่ายที่ประสงค์จะฟ้องหย่าต้องชำระค่าธรรมเนียมศาล ประกอบด้วยค่าขึ้นศาล และค่านำส่งหมายเรียกจำเลย

  1. ศาลนัดคู่ความมาศาล

เมื่อศาลได้รับคำฟ้องแล้ว ศาลจะนัดคู่ความทั้งสองฝ่ายมาศาลเพื่อไกล่เกลี่ย หากคู่ความทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงกันได้ ศาลจะบันทึกคำตกลงไว้เป็นหลักฐาน หากคู่ความทั้งสองฝ่ายไม่สามารถตกลงกันได้ ศาลจะดำเนินกระบวนพิจารณาคดีต่อไป

  1. ศาลพิจารณาคดี

ศาลจะพิจารณาคดีโดยเรียกพยานทั้งสองฝ่ายมาเบิกความ เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงของคดี

  1. ศาลมีคำพิพากษา

เมื่อศาลพิจารณาคดีเสร็จแล้ว ศาลจะมีคำพิพากษาให้คู่สมรสทั้งสองฝ่ายหย่าขาดกันหรือไม่

ระยะเวลาในการฟ้องหย่า

ระยะเวลาในการฟ้องหย่าอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ความยุ่งยากของคดี และปริมาณงานของศาล โดยระยะเวลาโดยประมาณอาจอยู่ที่ประมาณ 6 เดือน – 1 ปี

ฟ้องหย่าสามีมีชู้ฟ้องได้หรือไม่

ได้ สามีมีชู้ ภรรยาสามารถฟ้องหย่าได้ โดยอ้างเหตุฟ้องหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516 ข้อ 1 ว่า สามีอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้หรือมีชู้หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ

คำว่า “ชู้” หมายถึง บุคคลที่ไม่ใช่สามีหรือภริยาของคู่สมรสฝ่ายที่ฟ้องหย่า คำว่า “มีชู้” หมายถึง การมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดทางเพศกับผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากคู่สมรส โดยอาจเป็นการร่วมประเวณี หรือการสัมผัสเนื้อต้องตัวในทางชู้สาว

ในการฟ้องหย่ากรณีสามีมีชู้ ภรรยาจะต้องนำสืบให้ศาลเห็นว่าสามีมีชู้จริง โดยอาจนำสืบด้วยพยานบุคคล เช่น เพื่อนบ้าน ญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมงาน เป็นต้น หรือนำสืบด้วยเอกสารหลักฐาน เช่น ข้อความสนทนาทางโทรศัพท์ อีเมล แชท เป็นต้น

พยานบุคคลที่สามารถนำมาสืบในคดีนี้ เช่น

  • เพื่อนบ้านที่เห็นสามีไปหาหญิงอื่นบ่อยๆ
  • ญาติพี่น้องที่เห็นว่าสามีมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหญิงอื่น
  • เพื่อนร่วมงานที่เห็นว่าสามีไปทำงานกับหญิงอื่นบ่อยๆ

เอกสารหลักฐานที่สามารถนำมาสืบในคดีนี้ เช่น

  • ข้อความสนทนาทางโทรศัพท์หรืออีเมลระหว่างสามีกับหญิงอื่น
  • รูปภาพหรือคลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นว่าสามีมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหญิงอื่น
  • บัตรเข้าพักโรงแรมหรือที่พักอื่นๆ ของสามีและหญิงอื่น

หากศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าสามีมีชู้จริง ศาลจะมีคำพิพากษาให้คู่สมรสทั้งสองฝ่ายหย่าขาดกัน

นอกจากนี้ ภรรยายังสามารถเรียกร้องให้ศาลมีคำสั่งเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ในการเลี้ยงดูบุตร สิทธิในการครอบครองทรัพย์สินร่วมกัน และค่าทดแทนความเสียหายจากการหย่าร้างได้อีกด้วย

ตัวอย่างเช่น ภรรยาอาจเรียกร้องให้ศาลให้สิทธิในการเลี้ยงดูบุตรเพียงฝ่ายเดียว หรือให้ทั้งสองฝ่ายร่วมกันเลี้ยงดูบุตร ภรรยาอาจเรียกร้องให้ศาลให้สามีจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร หรือจ่ายค่าทดแทนความเสียหายจากการหย่าร้าง เป็นต้น

การฟ้องหย่าเป็นกระบวนการทางกฎหมายที่มีความสำคัญ ภรรยาที่ประสงค์จะฟ้องหย่าสามีมีชู้จึงควรปรึกษาทนายความเพื่อศึกษากฎหมายและเตรียมเอกสารหลักฐานให้ครบถ้วน เพื่อประโยชน์สูงสุดในการฟ้องหย่า

ฟ้องหย่า แยกกันอยู่

คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถฟ้องหย่าได้ หากแยกกันอยู่เกินกว่า 1 ปี โดยเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุข โดยไม่ต้องอ้างเหตุฟ้องหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516

การแยกกันอยู่เกินกว่า 1 ปี หมายถึง การแยกกันอยู่โดยไม่ได้อยู่ร่วมหลังคาเดียวกัน หรือไม่ได้ติดต่อสื่อสารกันเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี โดยเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุข

เหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุข อาจเป็นเพราะสาเหตุต่างๆ เช่น

  • สามีหรือภริยามีพฤติกรรมที่รุนแรงหรือก้าวร้าว
  • สามีหรือภริยามีภาวะทางจิตหรือสติปัญญาที่ผิดปกติ
  • สามีหรือภริยามีโรคติดต่อร้ายแรง
  • สามีหรือภริยามีอาชีพที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศเป็นเวลานาน

ในการฟ้องหย่ากรณีแยกกันอยู่ คู่สมรสฝ่ายที่ประสงค์จะฟ้องหย่าจะต้องนำสืบให้ศาลเห็นว่าได้แยกกันอยู่เกินกว่า 1 ปี โดยเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุข โดยอาจนำสืบด้วยพยานบุคคล เช่น เพื่อนบ้าน ญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมงาน เป็นต้น หรือนำสืบด้วยเอกสารหลักฐาน เช่น ทะเบียนบ้าน ใบสำคัญการสมรส เป็นต้น

พยานบุคคลที่สามารถนำมาสืบในคดีนี้ เช่น

  • เพื่อนบ้านที่เห็นว่าคู่สมรสทั้งสองฝ่ายแยกกันอยู่
  • ญาติพี่น้องที่เห็นว่าคู่สมรสทั้งสองฝ่ายแยกกันอยู่
  • เพื่อนร่วมงานที่เห็นว่าคู่สมรสทั้งสองฝ่ายแยกกันอยู่

เอกสารหลักฐานที่สามารถนำมาสืบในคดีนี้ เช่น

  • ทะเบียนบ้านที่แสดงว่าคู่สมรสทั้งสองฝ่ายแยกกันอยู่
  • ใบสำคัญการสมรสที่แสดงว่าคู่สมรสทั้งสองฝ่ายแยกกันอยู่
  • จดหมายหรือข้อความสนทนาทางโทรศัพท์หรืออีเมลระหว่างคู่สมรสทั้งสองฝ่ายที่แสดงให้เห็นว่าแยกกันอยู่

หากศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าคู่สมรสทั้งสองฝ่ายแยกกันอยู่เกินกว่า 1 ปี โดยเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุข ศาลจะมีคำพิพากษาให้คู่สมรสทั้งสองฝ่ายหย่าขาดกัน

นอกจากนี้ คู่สมรสฝ่ายที่ประสงค์จะฟ้องหย่ายังสามารถเรียกร้องให้ศาลมีคำสั่งเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ในการเลี้ยงดูบุตร สิทธิในการครอบครองทรัพย์สินร่วมกัน และค่าทดแทนความเสียหายจากการหย่าร้างได้อีกด้วย

ตัวอย่างเช่น คู่สมรสที่ประสงค์จะฟ้องหย่าอาจเรียกร้องให้ศาลให้สิทธิในการเลี้ยงดูบุตรเพียงฝ่ายเดียว หรือให้ทั้งสองฝ่ายร่วมกันเลี้ยงดูบุตร คู่สมรสที่ประสงค์จะฟ้องหย่าอาจเรียกร้องให้ศาลให้อีกฝ่ายหนึ่งจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร หรือจ่ายค่าทดแทนความเสียหายจากการหย่าร้าง เป็นต้น

การฟ้องหย่าเป็นกระบวนการทางกฎหมายที่มีความสำคัญ คู่สมรสที่ประสงค์จะฟ้องหย่าจึงควรปรึกษาทนายความเพื่อศึกษากฎหมายและเตรียมเอกสารหลักฐานให้ครบถ้วน เพื่อประโยชน์สูงสุดในการฟ้องหย่า

ฟ้องหย่าออนไลน์

การฟ้องหย่าออนไลน์ในประเทศไทย

ณ วันที่ 4 ธันวาคม 2566 ยังไม่มีบริการฟ้องหย่าออนไลน์ในประเทศไทย  มีแต่เพียงการยื่นคดีผ่านระบบออนไลน์เนื่องจากกฎหมายไทยกำหนดให้กระบวนการฟ้องคดีจะต้องดำเนินการทางเอกสารและผ่านการพิจารณาของศาล โดยคู่สมรสที่ประสงค์จะฟ้องหย่าจะต้องไปยื่นฟ้องต่อศาลด้วยตัวเองหรือมอบอำนาจให้ทนายความดำเนินการแทน

อย่างไรก็ตาม คู่สมรสที่ประสงค์จะฟ้องหย่าสามารถเตรียมเอกสารหลักฐานต่างๆ เกี่ยวกับการฟ้องหย่าล่วงหน้าได้ เช่น ใบสำคัญการสมรส ทะเบียนบ้าน บัตรประจำตัวประชาชน เป็นต้น โดยสามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มต่างๆ ได้จากเว็บไซต์ของศาลยุติธรรม

นอกจากนี้ คู่สมรสที่ประสงค์จะฟ้องหย่ายังสามารถศึกษากฎหมายเกี่ยวกับการหย่าร้างได้ล่วงหน้า เพื่อเตรียมความพร้อมในการฟ้องหย่า เช่น ศึกษาประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516 เป็นต้น

อธิบายเพิ่มเติม

การฟ้องหย่าเป็นกระบวนการทางกฎหมายที่มีความสำ

Facebook Comments