Home ทั้งหมด เทคนิควิธีจับโกหกพยานฝั่งตรงข้าม

เทคนิควิธีจับโกหกพยานฝั่งตรงข้าม

667

#วิธีจับโกหกพยานฝั่งตรงข้าม

ทีมงานทนายกฤษดา ขออนุญาตแนะนำว่า การจับโกหกพยานฝั่งตรงข้ามเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งในการว่าความ เพราะหากสามารถจับได้ว่าพยานฝ่ายตรงข้ามโกหกได้ จะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของพยานนั้น ๆ และอาจส่งผลให้ฝ่ายตรงข้ามแพ้คดีได้

#เทคนิคการสังเกตภาษากาย

ทนายกฤษดา ขออนุญาตแนะนำว่า ภาษากายเป็นสัญญาณหนึ่งที่บ่งบอกได้ว่าบุคคลนั้นกำลังโกหกหรือไม่ โดยสัญญาณทั่วไปที่บ่งบอกถึงการโกหก ได้แก่

* **หลีกเลี่ยงการสบสายตา**
บุคคลที่โกหกมักจะหลีกเลี่ยงการสบสายตากับคู่สนทนา เพราะกลัวว่าคู่สนทนาจะจับได้ว่าตนเองกำลังโกหก

* **พูดช้าลงหรือเร็วขึ้น**
บุคคลที่โกหกมักจะพูดช้าลงหรือเร็วขึ้นกว่าปกติ เพราะกำลังพยายามคิดคำพูดที่จะโกหก

* **พูดซ้ำ ๆ**
บุคคลที่โกหกมักจะพูดซ้ำ ๆ โดยไม่ตั้งใจ เพราะกำลังพยายามจำคำพูดที่ตนเองโกหก

* **เกาหน้าหรือขยับร่างกายบ่อย ๆ**
บุคคลที่โกหกมักจะเกาหน้าหรือขยับร่างกายบ่อย ๆ เพราะกำลังรู้สึกประหม่าหรือเครียด

* **เหงื่อออก**
บุคคลที่โกหกมักจะเหงื่อออก เพราะกำลังรู้สึกประหม่าหรือเครียด

* **หน้าแดง**
บุคคลที่โกหกมักจะหน้าแดง เพราะกำลังรู้สึกประหม่าหรือเครียด

อย่างไรก็ตาม ภาษากายไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานที่แน่ชัดได้ว่าบุคคลนั้นกำลังโกหกหรือไม่ เพราะบุคคลอาจแสดงภาษากายเหล่านี้โดยไม่รู้ตัว

#เทคนิคการถามคำถามที่เจาะลึก

ทนายกฤษดา ขออนุญาตแนะนำว่า การถามคำถามที่เจาะลึกจะช่วยให้สามารถตรวจสอบคำให้การของพยานได้ โดยคำถามที่เจาะลึกควรเป็นคำถามที่ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถตอบได้อย่างง่ายดาย เช่น คำถามเกี่ยวกับรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือคำถามที่ขัดแย้งกับคำให้การของพยานคนอื่น ๆ

ตัวอย่างเช่น ในคดีละเมิดที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีละเมิด โจทก์อาจถามคำถามพยานฝ่ายตรงข้ามดังนี้

* คุณจำได้ว่ารถของจำเลยชนรถของโจทก์ได้อย่างไร
* จำได้ว่ารถของจำเลยชนรถของโจทก์ ณ จุดใด
* จำได้ว่ารถของจำเลยชนรถของโจทก์ด้วยความเร็วเท่าใด
* จำได้ว่ารถของจำเลยชนรถของโจทก์เป็นครั้งที่เท่าใด
* จำได้ว่ารถของจำเลยชนรถของโจทก์เป็นระยะเวลานานเท่าใด

หากพยานฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้อย่างละเอียด หรือคำตอบของพยานขัดแย้งกับคำให้การของพยานคนอื่น ๆ ย่อมมีความเป็นไปได้ว่าพยานฝ่ายตรงข้ามกำลังโกหก

**เทคนิคการเปรียบเทียบคำให้การของพยานกับหลักฐานอื่น ๆ**

หากคำให้การของพยานขัดแย้งกับหลักฐานอื่น ๆ เช่น คำให้การของพยานคนอื่น ๆ บันทึกการสอบสวน หรือภาพถ่าย ย่อมมีความเป็นไปได้ว่าพยานฝ่ายตรงข้ามกำลังโกหก

ตัวอย่างเช่น ในคดีละเมิดที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีละเมิด โจทก์อาจนำหลักฐานอื่น ๆ เช่น ภาพถ่ายที่เกิดเหตุ บันทึกการสอบสวน ใบรับรองแพทย์ มาเปรียบเทียบกับคำให้การของพยานฝ่ายตรงข้าม หากคำให้การของพยานขัดแย้งกับหลักฐานอื่น ๆ ย่อมมีความเป็นไปได้ว่าพยานฝ่ายตรงข้ามกำลังโกหก

นอกจากนี้ ทนายกฤษดา ขออนุญาตแนะนำว่า ปกติแล้ว
ทนายความมีอาวุธหลัก ของทนายความคือการถามค้าน

#เทคนิคการถามค้าน

เทคนิคการถามค้านเป็นเทคนิคที่ทนายความสามารถใช้เพื่อโต้แย้งคำให้การของพยานฝั่งตรงข้าม โดยเทคนิคการถามค้านที่ดีควรเป็นการถามคำถามที่ชัดเจน กระชับ และตรงประเด็น

ตัวอย่างเช่น ในคดีละเมิดที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีละเมิด โจทก์อาจถามค้านพยานฝ่ายตรงข้ามดังนี้

* คุณจำได้ว่ารถของจำเลยชนรถของโจทก์ได้อย่างไร
* คุณจำได้ว่ารถของจำเลยชนรถของโจทก์ ณ จุดใด
* คุณจำได้ว่ารถของจำเลยชนรถของโจทก์ด้วยความเร็วเท่าใด
* คุณจำได้ว่ารถของจำเลยชนรถของโจทก์เป็นครั้งที่เท่าใด
* คุณจำได้ว่ารถของจำเลยชนรถของโจทก์เป็นระยะเวลานานเท่าใด

หากพยานฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้อย่างละเอียด หรือคำตอบของพยานขัดแย้งกับคำให้การของพยานอื่น ๆ ย่อมมีความเป็นไปได้ว่าพยานฝ่ายตรงข้ามกำลังโกหก

#คำแนะนำเพิ่มเติม ทนายกฤษดาขอแนะนำเพิ่มเติมว่า

นอกจากเทคนิคข้างต้นแล้ว ยังสามารถสังเกตพฤติกรรมอื่น ๆ ของพยาน เช่น ปฏิกิริยาต่อคำถาม ความสอดคล้องของคำให้การ และความน่าเชื่อถือของพยาน เป็นต้น เพื่อประกอบการพิจารณาว่าพยานนั้นกำลังโกหกหรือไม่

ตัวอย่างเช่น หากพยานฝ่ายตรงข้ามแสดงท่าทีหงุดหงิดหรือก้าวร้าวเมื่อถูกถามคำถาม ย่อมมีความเป็นไปได้ว่าพยานฝ่ายตรงข้ามกำลังโกหก

ทนายกฤษดา ดวงชอุ่ม

Facebook Comments