#เทคนิคเตรียมคดีฟ้องรับรองบุตร
ทีมงานทนายกฤษดา ขออนุญาตแนะนำว่า การฟ้องรับรองบุตรเป็นกระบวนการทางกฎหมายที่บุคคลสามารถยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อให้ศาลพิจารณารับรองบุตรให้บุคคลนั้นเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตร คำว่า “ผู้แทนโดยชอบธรรม” หมายถึง บุคคลที่มีสิทธิปกครอง ดูแล ควบคุม สั่งการ และอุปการะเลี้ยงดูบุตร
#ใครบ้างที่สามารเป็นผู้ที่สามารถฟ้องรับรองบุตรได้
ผู้ที่สามารถฟ้องรับรองบุตรได้ ได้แก่ บุคคลที่อ้างตนว่าเป็นบิดาหรือมารดาของบุตร โดยบุคคลดังกล่าวจะต้องมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
#เอกสารที่ต้องใช้ในการฟ้องรับรองบุตร
เอกสารที่ต้องใช้ในการฟ้องรับรองบุตร ได้แก่
* คำร้องขอรับรองบุตร
* สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ฟ้องคดี
* สำเนาทะเบียนบ้านของบุตร
* เอกสารแสดงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ฟ้องคดีกับบุตร เช่น รูปถ่ายร่วมกัน เอกสารการเลี้ยงดู เป็นต้น
* เอกสารอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี
#ขั้นตอนการฟ้องรับรองบุตร
ขั้นตอนการฟ้องรับรองบุตร มีดังนี้
1. ผู้ร้องคดียื่นคำร้องขอรับรองบุตรต่อศาล
2. ศาลพิจารณาคำร้องและเรียกคู่ความมาไต่สวน
3. ศาลมีคำพิพากษารับรองบุตรให้บุคคลนั้นเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตร
#ผลของการฟ้องรับรองบุตร
หากศาลมีคำพิพากษารับรองบุตรให้บุคคลนั้นเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตร บุคคลนั้นจะมีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายในฐานะบิดาหรือมารดาของบุตร ดังนี้
* มีสิทธิปกครอง ดูแล ควบคุม สั่งการ และอุปการะเลี้ยงดูบุตร
* มีสิทธิได้รับค่าอุปการะเลี้ยงดูจากบุตร
* มีสิทธิได้รับมรดกจากบุตร
#ข้อควรระวังในการฟ้องรับรองบุตร
หากผู้ฟ้องคดีฟ้องรับรองบุตรโดยไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่าตนเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตร ศาลอาจมีคำพิพากษายกฟ้องได้
**ตัวอย่างการฟ้องรับรองบุตร**
สมมติว่า นางสาว A มีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับนาย B เป็นเวลาหลายปี และได้คลอดบุตรออกมา โดยนางสาว A ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับนาย B บุตรดังกล่าวจึงถือเป็นบุตรนอกสมรสของนาย B
นางสาว A ต้องการที่จะให้นาย B เป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตร จึงยื่นคำร้องขอรับรองบุตรต่อศาล โดยแนบหลักฐานต่างๆ เช่น รูปถ่ายร่วมกัน เอกสารการเลี้ยงดูบุตร เป็นต้น
ศาลพิจารณาคำร้องและเรียกคู่ความทั้งสองฝ่ายมาไต่สวน ศาลพิจารณาจากหลักฐานที่นางสาว A นำมาแสดงแล้วเห็นว่านาย B เป็นบิดาของบุตร จึงมีคำพิพากษารับรองบุตรให้นาย B เป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตร
#คำแนะนำเพิ่มเติมจากทีมงานทนายกฤษดา
การฟ้องรับรองบุตรเป็นกระบวนการทางกฎหมายที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากบุตรนอกสมรสจะมีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายน้อยกว่าบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย หากบุตรนอกสมรสได้รับการรับรองจากศาลให้เป็นผู้แทนโดยชอบธรรม บุตรจะมีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายเช่นเดียวกับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย
ข้อควรระวังในการฟ้องรับรองบุตรที่สำคัญประการหนึ่งคือ ผู้ฟ้องคดีควรรวบรวมหลักฐานให้ครบถ้วนและถูกต้องก่อนยื่นคำร้องต่อศาล โดยหลักฐานที่อาจนำมาประกอบการพิจารณาคดี เช่น
* เอกสารแสดงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ฟ้องคดีกับบุตร เช่น รูปถ่ายร่วมกัน เอกสารการเลี้ยงดู เป็นต้น
* เอกสารแสดงการยอมรับการเป็นบิดาหรือมารดาของลูก เช่น เอกสารรับรองบุตรนอกสมรส เป็นต้น
* เอกสารแสดงเจตนาที่จะให้การอุปการะเลี้ยงดูบุตร เช่น เอกสารการโอนเงินค่าเลี้ยงดู เป็นต้น
หากผู้ฟ้องคดีสามารถรวบรวมหลักฐานที่เพียงพอเพื่อพิสูจน์ได้ว่าตนเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตร ศาลจะมีคำพิพากษารับรองบุตรให้บุคคลนั้นเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตร
#มีปัญหาคดีความปรึกษาทีมงานทนายกฤษดา โทร 089-142-7773