#เทคนิคในการรวบรวมข้อเท็จจริงในคดีและวางแผนต่อสู้คดี
#การรวบรวมข้อเท็จจริง
ทีมงานทนายกฤษดา ขออนุญาตแนะว่า ตามปกติแล้วการรวบรวมข้อเท็จจริงเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการดำเนินคดี เนื่องจากข้อเท็จจริงเป็นพื้นฐานในการตัดสินคดี ดังนั้นจึงต้องรวบรวมข้อเท็จจริงอย่างรอบคอบและครบถ้วน
#กำหนดขอบเขตของคดี
ปกติแล้วทนายกฤษดา จะดำเนินการ ขั้นตอนแรกในการรวบรวมข้อเท็จจริงคือการกำหนดขอบเขตของคดี โดยพิจารณาจากคำฟ้อง คำให้การของคู่ความฝ่ายต่างๆ และพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ตัวอย่างเช่น คดีแพ่งทั่วไป จะต้องพิจารณาจากคำฟ้องของโจทก์ คำให้การของจำเลย และพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เช่น เอกสารสัญญา บันทึกการซื้อขาย ใบเสร็จรับเงิน เป็นต้น
#รวบรวมพยานหลักฐาน
พยานหลักฐานเป็นสิ่งสำคัญในการพิสูจน์ข้อเท็จจริงในคดี ดังนั้นจึงต้องรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้ได้มากที่สุด ประเภทของพยานหลักฐานที่สามารถนำมาใช้ในการพิสูจน์ข้อเท็จจริงในคดี ได้แก่
* *พยานบุคคล** ได้แก่ บุคคลที่รู้เห็นเหตุการณ์ในคดี เช่น คู่กรณี พยานในที่เกิดเหตุ พยานที่ได้ยินเสียง ฯลฯ
* **พยานเอกสาร** ได้แก่ เอกสารที่มีข้อความหรือลายมือชื่อ ที่เกี่ยวข้องกับคดี เช่น สัญญา บันทึกการซื้อขาย ใบเสร็จรับเงิน ฯลฯ
* **พยานวัตถุ** ได้แก่ วัตถุที่มีร่องรอยหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดี เช่น อาวุธ เสื้อผ้า ยานพาหนะ ฯลฯ
* **พยานเสียง** ได้แก่ เสียงที่มีการบันทึกไว้ ที่เกี่ยวข้องกับคดี เช่น บันทึกการสนทนาทางโทรศัพท์ บันทึกเสียงจากกล้องวงจรปิด ฯลฯ
ในการรวบรวมพยานหลักฐาน จะต้องพิจารณาถึงวิธีการรวบรวมพยานหลักฐานให้เหมาะสมกับประเภทของพยานหลักฐาน เช่น พยานบุคคล อาจรวบรวมพยานหลักฐานโดยการสอบถามพยานโดยตรง การขอเอกสารรับรองจากพยาน เป็นต้น
#วิเคราะห์พยานหลักฐาน
หลังจากรวบรวมพยานหลักฐานแล้ว จะต้องวิเคราะห์พยานหลักฐานเพื่อหาข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคดี โดยพิจารณาถึงประเด็นต่างๆ เช่น เนื้อหาของพยานหลักฐาน ความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐาน ความสัมพันธ์ของพยานหลักฐานกับข้อเท็จจริงในคดี เป็นต้น
ตัวอย่างเช่น คดีแพ่งทั่วไป จะต้องพิจารณาว่าพยานบุคคลที่ให้ปากคำในคดี ให้การตรงกันหรือไม่ มีพยานหลักฐานอื่นๆ สนับสนุนคำให้การของพยานหรือไม่
#ประเมินความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐาน
จะต้องประเมินความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานแต่ละชิ้น โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น เจตนาของพยาน ความรู้ความสามารถของพยาน ความสัมพันธ์ของพยานกับคู่ความ ฯลฯ
ตัวอย่างเช่น พยานบุคคลที่ให้ปากคำในคดี เป็นผู้ที่มีผลประโยชน์ขัดแย้งกับคู่ความหรือไม่ มีพยานหลักฐานอื่นๆ มาสนับสนุนคำให้การของพยานหรือไม่
#การวางแผนต่อสู้คดี
การวางแผนต่อสู้คดีเป็นขั้นตอนสำคัญในการดำเนินการทางกฎหมาย เนื่องจากแผนในการต่อสู้คดีจะเป็นแนวทางในการรวบรวมพยานหลักฐานและดำเนินการในชั้นศาล
#กำหนดวัตถุประสงค์ของคดี
วัตถุประสงค์ของคดีอาจเป็นการชนะคดี การประนีประนอม หรืออื่นๆ โดยจะต้องพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ เช่น ประเภทของคดี กฎหมายที่เกี่ยวข้อง สภาพพยานหลักฐาน ฯลฯ
#วิเคราะห์ข้อเท็จจริง
จะต้องวิเคราะห์ข้อเท็จจริงในคดีอย่างรอบคอบ เพื่อกำหนดกลยุทธ์ในการต่อสู้คดี เช่น จะต้องมุ่งเน้นการพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดบ้าง จะต้องโต้แย้งข้อเท็จจริงของคู่ความฝ่ายตรงข้ามอย่างไร เป็นต้น
#เตรียมพยานหลักฐาน
จะต้องเตรียมพยานหลักฐานให้พร้อมสำหรับการพิจารณาของศาล โดยพิจารณาถึงประเด็นต่างๆ เช่น จะต้องนำเสนอพยานหลักฐานใดบ้าง จะต้องจัดเตรียมพยานหลักฐานอย่างไรเพื่อให้มีความน่าเชื่อถือ เป็นต้น
#ร่างคำฟ้องหรือร่างคำให้การ
จะต้องร่างคำให้การของคู่ความฝ่ายตนให้ชัดเจนและน่าเชื่อถือ โดยพิจารณาถึงประเด็นต่างๆ เช่น จะต้องตอบคำถามในประเด็นใดบ้าง จะต้องอธิบายข้อเท็จจริงอย่างไรให้เข้าใจง่าย เป็นต้น
#ฝึกซ้อมการเบิกความ
คู่ความฝ่ายตนจะต้องฝึกซ้อมการเบิกความ เพื่อให้สามารถเบิกความได้อย่างราบรื่นและน่าเชื่อถือ โดยอาจฝึกซ้อมกับทนายความหรือบุคคลที่มีประสบการณ์ในการเบิกความในศาล
#คำแนะนำเพิ่มเติมจากทีมงานทนายกฤษดาตัวอย่างการรวบรวมข้อเท็จจริงและวางแผนต่อสู้คดี
ตัวอย่างเช่น คดีแพ่งทั่วไป โจทก์ฟ้องจำเลยฐานละเมิด โดยโจทก์อ้างว่าจำเลยขับรถชนโจทก์ได้รับบาดเจ็บ จำเลยให้การปฏิเสธ
ในการรวบรวมข้อเท็จจริง โจทก์จะต้องรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เช่น เอกสารใบรับรองแพทย์ บันทึกการสอบสวนของตำรวจ พยานบุคคลที่เห็นเหตุการณ์ เป็นต้น
ในการวางแผนต่อสู้คดี โจทก์อาจกำหนดวัตถุประสงค์ของคดีว่าต้องการชนะคดี โดยอาจมุ่งเน้นการพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่าจำเลยขับรถชนโจทก์ โดยอาจรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เช่น เอกสารใบรับรองแพทย์ บันทึกการสอบสวนของตำรวจ พยานบุคคลที่เห็นเหตุการณ์ เป็นต้น
ทนายกฤษดา ดวงชอุ่ม โทร 0891427773