Home ทั้งหมด ก่อนลงลายมือชื่อในสัญญากู้ต้องตรวจสอบอะไรบ้าง

ก่อนลงลายมือชื่อในสัญญากู้ต้องตรวจสอบอะไรบ้าง

1113

#ก่อนลงลายมือชื่อในสัญญากู้ต้องตรวจสอบอะไรบ้าง

ทีมงานทนายกฤษดา ขออนุญาตแนะนำจุดตรวจสัญญากู้ก่อนลงลายมือชื่อ ควรตรวจสอบที่ดังนี้

#ชื่อ-สกุลของผู้กู้และผู้ให้กู้
ว่าถูกต้องตรงกับบัตรประชาชนหรือเอกสารราชการอื่นๆ ของผู้กู้และผู้ให้กู้ เพื่อป้องกันปัญหาการปลอมแปลงเอกสารหรือแอบอ้างบุคคลอื่น

ตัวอย่างเช่น หากผู้กู้มีชื่อ-สกุลว่า “นายสมชาย ศรีสุข” แต่ในสัญญากู้ระบุชื่อ-สกุลว่า “นายสมศักดิ์ ศรีสุข” ผู้กู้ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าชื่อ-สกุลที่ระบุในสัญญากู้ถูกต้องตรงกับบัตรประชาชนของผู้กู้ หากไม่ถูกต้อง ผู้กู้ควรแจ้งให้ผู้ให้กู้แก้ไข

#จำนวนเงินกู้
ว่าถูกต้องตรงกับจำนวนเงินที่กู้จริง เพื่อป้องกันปัญหาการผิดนัดชำระหนี้หรือถูกฟ้องร้องภายหลัง

ตัวอย่างเช่น หากผู้กู้ตกลงกู้เงินจำนวน 100,000 บาท แต่ในสัญญากู้ระบุจำนวนเงินกู้เพียง 50,000 บาท ผู้กู้อาจถูกฟ้องร้องให้ชำระหนี้จำนวน 100,000 บาทเต็มจำนวน หากผู้กู้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ครบถ้วน ผู้กู้อาจถูกยึดหลักประกันหรือถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

#อัตราดอกเบี้ย
ว่าถูกต้องตรงกับอัตราดอกเบี้ยที่ตกลงกัน เพื่อป้องกันปัญหาการถูกคิดดอกเบี้ยเกินอัตรา

ตัวอย่างเช่น หากผู้กู้ตกลงอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อปี แต่ในสัญญากู้ระบุอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ผู้กู้อาจถูกคิดดอกเบี้ยเกินอัตราร้อยละ 5 ต่อปี หากผู้กู้ไม่พอใจกับอัตราดอกเบี้ยที่ระบุในสัญญากู้ ผู้กู้ควรเจรจากับผู้ให้กู้เพื่อขอแก้ไขอัตราดอกเบี้ย

#ระยะเวลากู้ ว่าถูกต้องตรงกับระยะเวลาที่ตกลงกัน เพื่อป้องกันปัญหาการผิดนัดชำระหนี้หรือถูกฟ้องร้องภายหลัง

ตัวอย่างเช่น หากผู้กู้ตกลงกู้เงินระยะเวลา 1 ปี แต่ในสัญญากู้ระบุระยะเวลากู้เพียง 6 เดือน ผู้กู้อาจถูกฟ้องร้องให้ชำระหนี้ครบถ้วนภายใน 6 เดือน หากผู้กู้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ครบถ้วนภายในระยะเวลาที่กำหนด ผู้กู้อาจถูกยึดหลักประกันหรือถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

#เงื่อนไขการชำระหนี้
ว่าถูกต้องตรงกับเงื่อนไขที่ตกลงกัน เช่น กำหนดชำระทุกวันที่เท่าไร จำนวนเงินเท่าไร เป็นต้น เพื่อป้องกันปัญหาการผิดนัดชำระหนี้

ตัวอย่างเช่น หากผู้กู้ตกลงชำระหนี้ทุกสิ้นเดือน แต่ในสัญญากู้ระบุชำระหนี้ทุกวันที่ 15 ของทุกเดือน ผู้กู้อาจลืมชำระหนี้หรือชำระหนี้ล่าช้า หากผู้กู้ชำระหนี้ล่าช้าอาจถูกคิดดอกเบี้ยหรือถูกฟ้องร้อง

#หลักประกัน
ว่าถูกต้องตรงกับหลักประกันที่ตกลงกัน เช่น ที่ดิน รถยนต์ เป็นต้น เพื่อป้องกันปัญหาการยึดหลักประกัน มีการไปจดทะเบียนนิติกรรมหรือส่งมอบกันไว้ยึดถือ

ตัวอย่างเช่น หากผู้กู้ตกลงใช้ที่ดินเป็นหลักประกัน แต่ในสัญญากู้ระบุใช้รถยนต์เป็นหลักประกัน หากผู้กู้ผิดนัดชำระหนี้ ผู้ให้กู้อาจยึดรถยนต์แทนที่ดินได้

#ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ว่าถูกต้องตรงกับค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ตกลงกัน เช่น ค่าโอน ค่าจดจำนอง เป็นต้น เพื่อป้องกันปัญหาการถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มเติม

ตัวอย่างเช่น หากผู้กู้ตกลงชำระค่าธรรมเนียมการโอนจำนวน 10,000 บาท แต่ผู้ให้กู้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการโอนจำนวน 20,000 บาท ผู้กู้ควรแจ้งให้ผู้ให้กู้ทราบและขอคืนเงินส่วนต่าง

นอกจากนี้ ควรตรวจสอบรายละเอียดอื่นๆ ในสัญญากู้ให้ครบถ้วนและเข้าใจ เช่น เงื่อนไขการผิดนัดชำระหนี้ วิธีการฟ้องร้องหากมีข้อพิพาท เป็นต้น เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

หากผู้กู้มีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสัญญากู้ สามารถปรึกษาทนายความหรือบุคคลที่มีความรู้ด้านกฎหมาย เพื่อให้ได้รับคำแนะนำและความช่วยเหลือที่เหมาะสม จากทีมงานทนายกฤษดาได้

นอกจากการตรวจสอบจุดต่างๆ ที่กล่าวมาแล้ว ผู้กู้ควรอ่านสัญญากู้อย่างละเอียดและเข้าใจทุกข้อกำหนดของสัญญา ก่อนลงลายมือชื่อในสัญญากู้
ทนายกฤษดา โทร 089-142-7773 ไลน์ไอดี @lawyers.in.th.

Facebook Comments